เสียงค้านเก็บภาษีซื้อขายหุ้น หวั่นมีผลกระทบนักลงทุนรายย่อย
หลายเสียงค้านแนวคิดเก็บภาษีซื้อขายหุ้นรายย่อย ด้านคลังยังไม่ให้ความชัดเจน
หลังมีข่าวว่ารัฐบาล กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการจัดเก็บภาษีซื้อขายหุ้นของนักลงทุนรายย่อย 0.11%สำหรับนักลงทุนที่มีการซื้อขายมูลค่าเกินกว่า 1 ล้านบาท/เดือนขึ้นไป ซึ่งเสียงสะท้อนส่วนใหญ่ มองว่าหากมีนโยบายดังกล่าวออกมาจริง จะส่งผลให้ตลาดทุนไทย มีความน่าสนใจน้อยลง ขณะที่กระทรวงการคลังยังไม่ให้ความชัดเจน
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดเก็บภาษีซื้อขายหุ้นกับนักลงทุนรายย่อยเพื่อเป็นช่องทางหารายได้เพิ่มเติมว่า คงไม่สามารถพูดอะไรได้ และไม่สามารถบอกได้ว่ากระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างภาษีใดบ้าง แต่การปรับปรุงโครงสร้างภาษีส่วนใดจะต้องส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และทั่วถึง โดยรวมทั้งต้องสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้น
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แนวทางการปฏิรูปภาษีของกระทรวงการคลังจะอยู่ภายใต้ 4 เป้าหมายหลัก คือ 1.ส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและสนับสนุนการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน 2.รองรับกับเศรษฐกิจดิจิทัล 3.ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว และ 4.ต้องเป็นธรรม โปร่งใสตรวจสอบได้ และสนับสนุนโครงข่ายรองรับทางสังคม และสุขภาพ
เช่นเดียวกับความเห็นของดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่ไม่ขอออกความคิดเห็นกรณีนี้ เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ และแนะนำสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย บอกว่า ภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้นได้รับการยกเว้นมานานหลายปี หากมีการจัดเก็บจะเป็นภาระของนักลงทุนทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการซื้อขายและภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว ดังนั้น ปัจจัยดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยและกดดันตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวยังคงต้องรอความชัดเจนว่าจะมีการจัดเก็บจริงหรือไม่ เมื่อใด โดยมองว่าหากมีการจัดเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นจริง ก็ควรพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสม หรือเมื่อภาวะเศรษฐกิจต่างๆ กลับมาดีขึ้นอย่างชัดเจน เพราะหากรีบจัดเก็บภาษีในช่วงเวลาที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มากเช่นในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนค่อนข้างมาก และทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจลดลงได้
ด้านนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนของนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้น และอาจทำให้ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไปชั่วคราว โดยต้องคำนึงถึงผลตอบแทนของตลาดหุ้นด้วย เพราะหากเทียบผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันนั้นถือว่ายังต่ำกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะที่การที่จัดเก็บภาษีเพิ่มทำให้ผลตอบแทนลดลงไป