พ่อแม่มะกันติดโควิดตายคู่ เหลือลูกเล็ก5คน ทารกยังไม่ทันแม้ตั้งชื่อ

พ่อแม่มะกันติดโควิดตายคู่ - วันที่ 14 ก.ย. ซีเอ็นเอ็นรายงานเรื่องราวโศกนาฏกรรมสุดหัวใจสลายของครอบครัวชาวอเมริกันในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังผู้เป็นพ่อแม่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 ในเวลาไล่เลี่ยกัน เหลือเพียงลูกน้อย 5 คน โดยทารกแรกเกิดที่แพทย์ผ่าคลอดช่วยชีวิตจากครรภ์มารดาที่กำลังสิ้นใจนั้นไม่มีแม้แต่ชื่อ

คำเตือน เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหารุนแรง และกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึก โปรดใช้สติและวิจารณญาณในการอ่าน

ผู้เสียชีวิต ได้แก่ นายแดเนียล และเดวี่ มาเซียส มีภูมิลำเนาอยู่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย และยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยก่อนเกิดเหตุดังกล่าวทั้งครอบครัวใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมานานถึง 18 เดือน อาทิ การทำความสะอาดฆ่าเชื้อในบ้าน อาบน้ำหลังกลับเข้าบ้าน และสั่งอาหารทางระบบออนไลน์

นางมาเซียส มีประกอบอาชีพเป็นพยาบาลแผนกสูตินารีเวช ติดโรคโควิด-19 และล้มป่วยลงขณะกำลังตั้งท้องลูกคนที่ห้าได้ 7 เดือน ตั้งแต่เดือนส.ค. ที่ผ่านมา เช่นเดียวกันกับนายมาเซียส ผู้เป็นสามีที่ติดเชื้อ และล้มป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเดียวกัน

ต่อมานางมาเซียส ฝ่ายภรรยามีอาการทรุดหนักทำให้คณะแพทย์ตัดสินใจผ่าคลอดช่วยชีวิตทารกน้อยจากครรภ์ของมารดาซึ่งอยู่ในภาวะถูกทำให้โคม่าจากการต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แม้คณะแพทย์จะพยายามช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่นางมาเซียสสิ้นใจโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าลูก

นายมาเซียส ผู้เป็นสามีซึ่งป่วยหนักและรักษาโรงพยาบาลเดียวกันได้รับทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยพยาบาลนำภาพถ่ายของทารกแรกเกิดมาให้ผู้เป็นพ่อได้ดู แต่ต่อมาไม่ถึง 2 สัปดาห์ นายมาเซียส ก็เสียชีวิต จากภาวะแทรกซ้อนขณะรักษาโรคโควิด-19 ทำให้ทารกน้อยยังไม่ได้รับการตั้งชื่อ และขาดพ่อแม่ดูแล

ต่อมานางพยาบาลจึงโทรศัพท์ไปหาย่าของเด็กเพื่อขอให้ย่าเป็นผู้ตั้งชื่อให้หลาน แต่ถูกย่าปฏิเสธ โดยยืนยันจะให้นายมาเซียส ซึ่งเป็นลูกชายตั้งชื่อเอง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบอกความจริงที่เกิดขึ้นให้กับย่าของเด็กรับรู้ สร้างความเศร้าเสียใจให้กับทุกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง โดยล่าสุด ทารกน้อยยังไม่ได้รับการตั้งชื่อ ทำให้ทางโรงพยาบาลเรียกเพียงว่า เบบี้ เกิร์ล

รายงานระบุว่า นางมาเซียส เสียชีวิตเมื่อ 26 ส.ค. และนายมาเซียส เสียชีวิตเมื่อ 9 ก.ย. เหลือเพียงลูกๆ 5 คน อายุตั้งแต่ 3 สัปดาห์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อไปจนถึงคนโตสุดอายุเพียง 8 ขวบ

นางเทอร์รี มาเซียส อาชีพครูอนุบาลเกษียณอายุ ย่าของเด็ก กล่าวว่า ลูกชายและสะใภ้ไม่ได้ต่อต้านการฉีดวัคซีน แต่เคยวางแผนไว้ว่าจะขอศึกษาผลดีผลเสียให้รอบคอบก่อน

เทอร์รีเชื่อว่า ลูกชายกับลูกสะใภ้ติดเชื้อมาจากสวนน้ำในอาคารที่พาลูกๆ ไปเที่ยวฉลองก่อนเปิดเทอม โดยหลังจากทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ตนต้องเป็นผู้บอกความจริงกับเด็กๆ ให้เด็กเข้าใจและรับทราบ สร้างความเจ็บปวดหัวใจให้กับตนอย่างยิ่ง

สำหรับคนโตเป็นผู้ชายอายุ 8 ขวบ และคนรองที่เป็นผู้หญิงอายุ 5 ขวบนั้นรับทราบว่าพ่อแม่ของพวกตนนั้นจากไปแล้ว แต่นางเทอร์รีไม่แน่ใจว่า เด็กๆ เข้าใจหรือไม่ ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร

ส่วนแฝดหญิงอีก 2 คน อายุ 3 ขวบนั้นยังไม่ทันได้บอก แต่ก็วิ่งมาหาย่าก่อนพร้อมเล่าด้วยความดีใจ ว่าฝันถึงพ่อกับแม่ว่ากลับมาจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ย่าก็ต้องบอกความจริงกับเด็กๆ ทำให้ทั้งคู่ร้องไห้เสียใจ ทั้งยังยืนยันถึงความฝันข้างต้น

"ย่ารู้จ้ะหลานรัก แต่บางครั้งฝันมันก็ไม่เป็นความจริง" นางเทอร์รีกอดหลานทั้งน้ำตา

นางเทอร์รี่ ระบุว่า ตนกับหลานๆ ยังอยู่ในภาวะช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ระบุว่าลูกชายและสะใภ้เป็นคนดี ขยันทำงานและรักลูกมากกว่าสิ่งอื่นใด

"เราตั้งตัวไม่ทันเลย โควิดมันไม่แบ่งแยกใครทั้งนั้น ขึ้นกับดวงล้วนๆ เรื่องแบบนี้จะเกิดกับใครก็ได้ทั้งนั้น" เทอร์รี่ ระบุทั้งน้ำตา