SFLEXปี67ยอดพุ่ง2พันล้าน ประเดิมรับรายได้บ.ร่วมทุน

#SFLEX #ทันหุ้น-SFLEX ปักธงยอดขายปี 2567 ยืนเหนือ 2 พันล้านบาท จากสิ้นปี 2566ที่คาดทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 1.8-1.85 พันล้านบาท ยิ้มปี 2567 ประเดิมรับรู้รายได้บริษัทร่วมทุนที่เวียดนาม SPV ตั้งแต่ มกราคมปี 67 พร้อมร่วมมือ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่หนุนผลงานเด่น พร้อมเดินหน้าลุยหาดีลใหม่เสริมแกร่งอัดงบ 200 ล้านบาท รองรับการสร้างโกดัง และเครื่องจักรใหม่ เล็งจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มรองรับการลงทุนในอนาคต

ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายยอดขายเติบโตไว้กว่า 2,000ล้านบาท จากสิ้นปี 2566ที่คาดว่ายอดขายจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,800-1,850ล้านบาท ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ๆ เป็นผลมาจากการขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของสินค้าอุปโภค-บริโภค ทำให้ความต้องการใช้งานบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นตาม

*พันธมิตรเสริมแกร่ง

โดยสัดส่วนยอดขายหลักยังคงมาจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกับ Consumer ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เกี่ยวกับอาหารโตจากการร่วมมือกับทาง TU มองว่าจากการ Joint Venture กับกับทางบริษัท ไทยยูเนี่ยน กราฟฟิกส์ จำกัด (TUG) กลุ่มผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ที่มีการวางจำหน่ายสินค้าไปทั่วโลกนั้น ภายหลังการ Synergy ทำให้ SFLEX สามารถรับรู้ เมกะเทรนด์ (Megatrend) ของการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารจากลูกค้าของหุ้นส่วนทั่วโลก และมองเห็นโอกาสการเติบโตในตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารได้อีกมาก

ซึ่งการจับมือกับบริษัทบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ก่อให้เกิดการ Synergy ในหลายมิติ ทั้งการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าบรรจุภัณฑ์ รวมถึงใช้ความได้เปรียบเชิงพื้นที่ในการจัดหาแหล่งวัตถุดิบต้นทุนต่ำ อีกทั้งเป็นการหาพาร์ตเนอร์ (Partner) ที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมต้นน้ำ เพื่อสร้างนวัตกรรมในการผลิต และวัตถุดิบที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

*เร่งเครื่องสร้างโรงงาน

ปัจจุบันโรงงานที่ร่วมมือกับทาง TU อยู่ในช่วงระหว่างเร่งการดำเนินการก่อสร้าง และการจัดซื้อเครื่องจักร คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงไตรมาส 3/2567 เบื้องต้นบริษัทคาดว่าในช่วง 6 เดือนแรกจะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทไม่น้อยกว่า 60 ล้านบาท และใน 12 เดือนถัดไปจะสร้างรายได้เพิ่มเป็น 250 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนร่วมกับกลุ่ม SCGP ใน Starprint Vietnam JSC (SPV) ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษแข็งแบบพับได้ (Offset Folding Carton) ในประเทศเวียดนาม โดยบริษัทมีสัดส่วนการเข้าถือหุ้น 25% และ SCGP ถือสัดส่วนใหญ่ 70% ตามลำดับ โดยคาดว่าจะเริ่มแสดงผลประกอบการของ SPV ในงบการเงินรวมของบริษัทตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป โดย SPV เป็นผู้การผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์แบบพับได้ ที่มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ด้วยระบบพิมพ์แบบ Offset 16,500ตันต่อปี และกล่องบรรจุภัณฑ์แบบคงรูป 8 ล้านกล่องต่อปี

ปัจจุบัน SPV มีฐานการผลิต 2แห่ง ประกอบด้วยโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม Long Binh (Amata) และในจังหวัด Dong Nai ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม อีกทั้งยังมีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติมีชื่อขนาดใหญ่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในตลาดเวียดนามและตลาดทั่วโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้คาดว่าการร่วมมือดังกล่าวจะเป็นผลบวกต่อการสร้างความแข็งแกร่งให้กับขยายธุรกิจในต่างประเทศ ส่งเสริมความสามารถในการผลิตทางบรรจุภัณฑ์ระหว่างกัน รวมถึงเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจมากขึ้นอีกด้วย

**เปิดดีลใหม่

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจและเปิดโอกาสในการศึกษาการลงทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างความเติบโตที่แข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคต ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับทางพันธมิตรที่มีศักยภาพไปบ้างแล้ว ที่มีทั้งที่เกี่ยวเนื่องกับทางการแพทย์ (Medical) และบรรจุภัณฑ์ (Packaging) เบื้องต้นคาดว่าในปี 2567จะได้เห็นความชัดเจนได้อย่างน้อย 1 ดีล

ส่วนงบลงทุนในปี 2567บริษัทวางแผนลงทุนสร้างโกดังและเพิ่มเครื่องจักรผลิตใหม่ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ประมาณ 200 ล้านบาท ขณะที่เงินลงทุนรองรับการเพิ่มดีลใหม่ๆ นั้น ขึ้นอยู่กับว่ามีขนาดของธุรกิจใหญ่มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากว่ามีขนาดใหญ่ก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องหาแหล่งทุนจากช่องทางอื่นๆ เข้ามาเสริมเพิ่มเติม ทั้งจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน และการออกหุ้นกู้ แต่อย่างไรก็ดี ด้วยในตอนนี้ตลาดหุ้นกู้ค่อนข้างแพงทำให้มองว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เพราะจะทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ดังนั้น จึงต้องจับตารอดูต่อไป และคาดว่าหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลายตัวลงได้ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า

*โบกรแนะซื้อ เป้า5.60บ.

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย SFLEX ปี 2567 ที่ 5.60 บาท อิง P/E 20 เท่า (-0.7SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปีตั้งแต่เข้าตลาดฯ) ปัจจุบันซื้อขายที่ 2567 P/E 12.5 เท่า (-1.1SD ของค่าเฉลี่ย 4 ปี) และ EV/EBITDA 10.4 เท่า (-1.3SD ของค่าเฉลี่ย 4 ปี) Valuation ปรับลงมาเท่ากับช่วงแรกที่เข้าตลาดฯ ขณะที่กิจการอยู่ในช่วงเติบโต ยืนยันคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.60 บาท

ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบราคาแพงและผันผวนได้ผ่านไปแล้ว แนวโน้มราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพ ดีต่อธุรกิจปลายน้ำอย่าง SFLEX ฝ่ายวอเคราะห์คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตอย่างมีสเถียรภาพจากการขยายฐานตลาดและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ Starprint Vietnam ซึ่งคาดว่าจะมีสัดส่วนราว 13-14% ของกำไรของ SFLEX ส่งผลให้คาดว่ากำไรปกติปี 2024 จะเพิ่มขึ้น 26.7% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและใกล้เคียงกับช่วงแรกที่เข้าตลาดฯ ขณะที่ฐานกำไรมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อ 4 ปีก่อนราว 50% จึงแนะนำ "ซื้อ"

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์มีกรปรับลดกําไรปี 2566 ลงเล็กน้อย 3% เป็น 180 ล้านบาทจากเดิม 185 ล้านบาทโดยนำส่วนแบ่งกำไรของ Starprint เวียดนามออก แต่ยังคงประมาณการกำไรปี 2567 -2568 ตามเดิมที่ 228 ล้านบาท (+26.7% y-y) และ 253 ล้านบาท (+10.9% y-y) ตามลำดับ บนสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรจาก Starprint (SFLEX ถือ 25%) 32 ล้านบาท และ 35 ล้านบาทในปี 2567 และ2568 25 ตามลำดับ และบนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบโลก (WTI) เฉลี่ยปี 2567 ที่ใกล้เคียงปีนี้ แต่ผันผวนลดลงมาก จึงคาดอัตรากำไรขั้นต้น 21% ทั้งในปี 2567 และ ปี2568

สำหรับ บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX เป็นผู้ผลิตและจําหน่ายบรรจุ ภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible packaging) สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคตามคำสั่งซื้อของลูกค้า รายได้หลักของบริษัทมาจากการจําหน่ายบรรจุภัณฑ์ที่เป็นม้วนฟิล์ม (Roll form) ที่ผ่านขั้นตอนการพิมพ์และเคลือบ และยังมีบรรจุภัณฑ์ที่ขึ้นรูปแบบสําเร็จรูป (Pre-form pouch) ในรูปทรงที่หลากหลายจากการวิจัยและพัฒนาร่วมกับลูกค้า SFLEX มีบริษัทร่วมทุน คือ บจ. สตาร์ยูเนี่ยน แพคเกจจิ้ง(SFLEX ถือ 50% TU TB ถือ 50%) และในเดือน มิ.ย. 2023 ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้น SPVI Holding ซึ่งเป็นการลงทุนทางอ้อมใน Starprint Vietna