ยิ่งร้อนยิ่งแย่ ยุโรปใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น
ปัญหาภาวะโลกร้อนกำลังกระทบกับผู้คนทั่วโลกอย่างหนัก โดยเฉพาะในยุโรปที่กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนสูง ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนถล่มยุโรปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,700 คน โดยเสียชีวิตในโปรตุเกสกว่า 1,000 คน และอีก 700 คน ในสเปน นอกจากนี้ยังพบว่าชาวยุโรปหันมาซื้อและใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลในทางที่เลวร้ายกว่าเดิม เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน
ปกติแล้วในยุโรปมีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือน ที่มีเครื่องปรับอากาศ แต่พบว่าตัวเลขดังกล่าวมีการเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่ที่คลื่นความร้อนเข้าถล่มยุโรป ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่าจะสร้างสมดุลระหว่างความต้องการในการใช้เครื่องปรับอากาศและปริมาณก๊าซมลพิษที่เกิดจากการใช้เครื่องปรับอากาศอย่างไร
เครื่องปรับอากาศปล่อยสารเคมีที่ชื่อว่าไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC) ซึ่งมีอานุภาพในการดูดความร้อนได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ถึง 1,000 เท่า
ในปี 2018 สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือ International Energy Agency (IEA) พบว่ายอดขายเครื่องปรับอากาศทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ตั้งแต่ปี 1990-2016 โดยอัตราการเติบโตของตัวเลขดังกล่าวยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และจะสูงขึ้นจากเดิมอีก 3 เท่า ในปี 2050 ซึ่งตัวเลขส่วนใหญ่มาจากประเทศอินโดนีเซียและประเทศอินเดีย โดยครึ่งหนึ่งของสถิติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2050 มาจากประเทศอินเดียและประเทศจีน เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเครื่องปรับอากาศได้มากขึ้น
นอกจากปัญหาเรื่องการปล่อยก๊าซมลพิษแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้น ซึ่งในหลาย ๆ พื้นที่ ณ ปัจจุบัน กำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนยังไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมความต้องการใช้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องใช้กระแสไฟฟ้าที่ได้มากจากถ่านหิน และอื่น ๆ ซึ่งไม่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ
ข้อมูลจาก www.technologyreview.com