รีเซต

K-POP เตรียมกลับสู่ตลาดจีน ? สัญญาณจีนเลิกแบน และแฟนไทยที่หวังไม่ต้องกดบัตรสู้แฟนจีนอีก

K-POP เตรียมกลับสู่ตลาดจีน ? สัญญาณจีนเลิกแบน และแฟนไทยที่หวังไม่ต้องกดบัตรสู้แฟนจีนอีก
TNN ช่อง16
25 สิงหาคม 2568 ( 13:34 )
15

วง K-POP กำลังจะจัดคอนเสิร์ตเกาหลีครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่จีน นี่เป็นสัญญาณของการเลิกแบนอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีแล้วหรือไม่ ? หากคอนเสิร์ตเกาหลีสามารถจัดที่จีนได้แล้ว จะช่วยลดปัญหาคนจีนแย่งกดบัตรคอนเสิร์ตในไทย อย่างที่เราเผชิญทุกวันนี้ได้หรือไม่  ? 


สัญญาณดี K-POP กลับเข้าจีนได้ ?

สัญญาณว่าจีนจะเลิกแบน K-POP นั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังเกิร์ลกรุ๊ปวง Kep1er ของค่าย WakeOne และ Klap Entertainment ประกาศจัดคอนเสิร์ตที่ฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน ในวันที่ 13 กันยายนนี้ แต่ก็คาดว่าจะเป็นคอนเสิร์ตขนาดเล็กที่จำกัดแฟนๆ ผู้เข้าร่วมประมาณ 1,000 คน แต่ถึงอย่างนั้น การได้รับอนุญาตจากกระทรวงการวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวของจีนก็ถือเป็นก้าวแรก ที่ทำให้หลายๆ คนจับตาว่า  K-POP เตรียมกลับสู่ตลาดจีนอีกครั้ง 

คอนเสิร์ตนี้ยังได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เพราะจัดขึ้นเพียงสองเดือน ก่อนกำหนดการที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะไปเยือนเกาหลีเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ในปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 11 ปี ยิ่งทำให้เกิดการตีความว่า เป็นสัญญาณว่าจีนจะผ่อนคลายข้อจํากัดฮัลรยู หรือวัฒนธรรมป็อปเกาหลีกลับมาได้อีกครั้ง 

ทั้งในปีที่ผ่านมา ยังมีการจัดแฟนมีตติ้ง หรือการปรากฎตัวของศิลปิน K-POP ถี่ขึ้น มาร์ก ลี จากวง NCT ซึ่งปรากฏตัวที่ร้านป๊อปอัพที่ Jingdong Mall ในกวางโจวช่วงเดือนเมษายน  เพื่อโปรโมตอัลบั้มเดี่ยว ซึ่งค่าย SM Entertainment นั้นชี้ว่า มีแฟนๆ เข้าร่วมมากกว่า 4,000 คน หรือ NCT WISH ที่ จัดโปรโมตมินิอัลบั้มที่ 2 ในเซี่ยงไฮ้ โดยจัดงานแถลงข่าว และมีสื่อท้องถิ่นประมาณ 60 แห่งเข้าร่วม ไปถึงเกิร์ลกรุ๊ป IVE หรือ TWICE เองก็จัดงานแฟนไซน์ในเซี่ยงไฮ้เช่นกัน 

แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่กระแสจีนเลิกแบน K-POP เกิดขึ้น และถือว่ายังไม่สามารถมั่นใจได้ว่า มันจะเลิกถูกแบนจริงๆ เพราะในเดือนพฤษภาคมปีนี้เอง บอยกรุ๊ป EPEX ก็ได้ประกาศคอนเสิร์ตในฝูโจว ซึ่งเป็นเมืองเดียวกับที่ Kep1er จะจัดการแสดง แต่คอนเสิร์ตได้ถูกยกเลิกก่อนการแสดงเพียง 3 สัปดาห์ ในขณะที่วงอินดี้เกาหลี Say Sue Me เอง ก็ยกเลิกคอนเสิร์ตที่ปักกิ่ง ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ภายใต้สถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน

ผู้บริหารของเอเจนซี่ K-POP รายใหญ่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Korea Herald ว่า “ผู้คนในอุตสาหกรรมมีความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมาเยือนของ ปธน. สี จิ้นผิงในปลายปีนี้ ว่าข้อจํากัดจะสามารถถูกยกเลิก แต่ตลาดจีนยังคงคาดเดาไม่ได้ แม้ว่าประตูจะเปิดออก แต่ปัญหาทางการเมืองอาจทําให้พวกเขาแบนอีกครั้งเมื่อใดก็ได้”


ทำไมจีนแบน K-POP หรือ K-Culture มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ?

จีนเริ่มการห้ามวัฒนธรรมป็อปของเกาหลีอย่างไม่เป็นทางการ ในปี 2016 เพื่อตอบโต้เกาหลีใต้ที่ตัดสินใจติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐฯ ตั้งแต่นั้นมา ศิลปิน K-POP ถูกห้ามไม่ให้จัดคอนเสิร์ตในประเทศ แม้ว่าแฟนมีตติ้งและร้านค้า Pop-up store ของศิลปินจะได้รับอนุญาตเป็นบางครั้ง

สำนักข่าว South China Morning Post รายงานในปี 2016 ว่าทางการจีนได้ออกคําสั่ง "ด้วยวาจา" ให้กับผู้ผลิตสื่อท้องถิ่น โดยขอให้พวกเขาเลื่อนผลงานใด ๆ ที่มีดารา หรือศิลปินเกาหลี และหากมีศิลปินเกาหลี  สื่อดังกล่าวจะไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีน

 ซึ่งไม่เพียงแค่การแบน K-POP เท่านั้น ตอนนั้นจีนยังห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวจีนไปเกาหลีใต้ รวมไปถึงสินค้าเกาหลีต่างๆ ก็ถูกแบน และมียอดลงลงต่อเนื่อง เช่น รถยนต์ และเครื่องสําอาง บริษัทใหญ่อย่าง Lotte Group ก็ประกาศขายธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงหยุดโครงการสวนสนุกที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในประเทศจีน หรือบริษัทอย่าง Samsung Electronics ก็เปลี่ยนฐานการผลิตจากจีนไปยังเวียดนามและประเทศอื่น ๆ แทนเช่นกัน


เมื่อจีนแบน K-POP จนแฟนจีนมาดูคอนเสิร์ตในไทย

การแบนคอนเสิร์ต K-POP ในจีน ยังกระทบกับชาวไทยด้วย เพราะการแบนนั้น ทำให้แฟนๆ ชาวจีน หลั่งไหลเข้ามาดูคอนเสิร์ตในไทย จนหลายครั้งเกิดเสียงวิจารณ์ของผู้บริโภคชาวไทยว่า กดบัตรคอนเสิร์ตไม่ได้ เพราะโดนชาวจีนที่เข้ามาเป็นคู่แข่งมากขึ้น รวมไปถึงการใช้บอทกด กดบัตรได้แล้ว กลายเป็นธุรกิจอัพราคาบัตรของคนจีน ไปถึงพฤติกรรมของชาวจีนหลายครั้ง ที่แฟนไทยมองว่า ไม่เป็นระเบียบ ไม่มีมารยาท หรือไม่ให้ความร่วมมือกับการทำโปรเจ็กต์ในคอนเสิร์ตด้วย 

แม่น้องจีซอง แฟนคลับวง NCT เล่ากับ TNN Online ว่า การเข้ามาของแฟนจีนทำให้กดบัตรยากขึ้น โดยเฉพาะบัตร Vip หรือบัตรแถวหน้าสุด ที่กลายเป็นแฟนๆ คนไทยกดไม่ได้เลย และสุดท้ายบัตร Vip ก็กลายเป็นบัตรที่ถูกเอามาขายต่อในราคาแพง

ความเห็นนี้ก็สอดคล้องกับ แฟนคลับ ZEROBESEONE และ ENHYPEN เจโรสเอนจีนสาวไทย ที่มองว่า พอมีคนจีนเข้ามา ก็รับรู้โดยปริยายว่า จะมีบอทลง “เอาจริงๆ ก็หลบบอทไม่ได้ วิธีการก็คือ เราก็ไม่คาดหวังกับโซนตรงนั้นไปแล้ว อย่างบัตรยืนก็ไม่คาดหวังว่าจะติดรั้ว แถวหน้า เพราะรู้ว่าจะโดนบอทจีนกด และถูกวนกลับมาขายในราคาสูงๆ หรือถ้าเป็นที่นั่ง ก็ไม่คิดว่าจะได้ที่นั่งแถวหน้าไปแล้ว” 

แฟนคลับชาวไทยยังบอกว่า ในทุกคนเสิร์ตเกาหลีปัจจุบัน จะเจอคนจีนจำนวนมากแน่นอน รวมไปถึงในต่างประเทศก็ยังเจอชาวจีนอีกเช่นกัน โดยแฟนคลับวง NCT เล่าว่า รอบนี้ คอนเสิร์ต NCT Dream ที่เพิ่งจัดไปเมื่อกลางเดือนสิงหาคมนั้น ถือว่าจะไม่เยอะมาก แต่ก็ยังตีได้ว่า 2 ใน 10 ซึ่งเจอน้อยกว่าปีก่อนมาก ขณะที่จากประสบการณ์ไปคอนเสิร์ตที่เกาหลีนั้นมองว่าเจอ 4 ใน 10 ซึ่งค่อนข้างสูง

ขณะที่เจโรสเอนจีนสาวไทยก็ตีว่า ในคอนเสิร์ตเกาหลีในไทย ใน 1 โซนมีคนจีนมากกว่า 30% แน่นอน “คนที่มีมารยาทก็มี คนที่ไร้มารยาทก็มี เราเคยถึงขนาดไปลากตัวแล้วบอกว่าให้เขาหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะเราถือว่าเรามีบัตรราคาเท่ากัน ยังไงก็ต้องเท่าเทียมกัน” ส่วนที่เกาหลีนั้นมองว่า เจอคนจีนเยอะมากๆ แม้บางครั้งจะแยกออกยาก แต่ก็ประเมินด้วยสายตาได้ว่ามีคนจีนค่อนข้างเยอะ

ทั้งคู่มองตรงกันว่า แม้จีนจะแลกแบน K-POP และจัดคอนเสิร์ตได้ แต่ 9 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดวัฒนธรรมคนจีนที่เข้ามากดบัตร และนำไปขายต่อในราคาสูงไปแล้ว ซึ่งคิดว่าการกดบัตรอาจจะยากเหมือนเดิม แต่คนจีนก็อาจจะมาคอนเสิร์ตที่ไทยน้อยลงจริงๆ 

“จริงๆ ก็อยากให้จีนเลิกแบน K-POP เราว่ามันเป็นผลดีกับทุกฝ่าย เวลาศิลปินไปจีน ก็จะได้เป็นงานที่เป็นทางการ แล้วก็รับคนจำนวนมากได้ ไม่ใช่แค่งานแฟนไซต์ ซึ่งก็เป็นคนกลุ่มน้อยอีกที่ได้ดูศิลปิน” 

“และคิดว่ายังไงถึงจีนจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศได้ ก็ยังคงมีแฟนบางส่วนที่ยังมาดูที่ไทย เพราะพวกเขาเป็นแฟนคลับที่มีเงิน เขาทำได้ แต่ถ้าความต้องการของคนจีนน้อยลง คิดว่าก็จะเจอคนจีนในคอนเสิร์ตที่ไทยน้อยลง แต่คนจีนที่เข้ามากดบัตร เป็นเหมือนการทำธุรกิจไปแล้ว กลายเป็นธุรกิจที่ไม่ดี ดังนั้นคิดว่า ถ้าคนจีนบินมาดูน้อยลง ก็คงมีคนกดบัตรขายน้อยลงไปด้วย” เจโรสเอนจีนสาวไทยทิ้งท้าย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง