“งูมีพิษ-งูไม่มีพิษ” เปิด 4 วิธีดูยังไง? แบบไหนอันตราย อย่าเข้าใกล้!
วันนี้ ( 5 ก.ย. 66 )ในสภาพแวดล้อมร้อนชื้นแบบประเทศไทยบ้านเรา คงหลีกหนีไม่พ้นการที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์เลื้อยคลานชนิดต่างๆ โดยเฉพาะ “งู” ซึ่งมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์มีพิษ และ ไม่มีพิษ ซึ่งชนิดที่มีพิษ หากถูกฉกกัดแล้วอาจมีอันตรายถึงชีวิตก็เป็นได้ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงไม่ไปสัมผัสกับ งูพิษ ซึ่งวิธีการเบื้องต้นที่จะรักษาชีวิตเราให้ปลอดภัย โดยวิธีสังเกตง่ายๆ มีอยู่ 4 วิธีดังนี้
วิธีการสังเกตงูพิษ 4 วิธี
1. ลักษณะของหัว
งูมีพิษส่วนใหญ่หัวมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม มีหลุมสองหลุมปรากฎบนจมูกของพวกมัน
2. รูม่านตา
งูมีพิษมีรูม่านตาแนวขวางคล้ายกับตาของแมว ส่วนงูไม่มีพิษมีรูม่านตากลม
3. เกล็ดใต้ท้องตรงปลายหาง
งูมีพิษส่วนใหญ่มีเกล็ดแถวเดียว ส่วนงูไม่มีพิษจะมีสองแถว
4.รอยกัดของงู
หากรอยกัดมีสองรูแสดงว่างูนั้นมีเขี้ยวและมีพิษ แต่หากรอยกัดไม่มีเขี้ยวจะเป็นลักษณะของงูไม่มีพิษ
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกงูกัด
1. มีสติให้มาก อย่าตื่นตกใจ คลายกังวลให้มากที่สุด
2. รีบล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทันที เพื่อลดการปนเปื้อนของเชื้อโรคหรือพิษงูที่ได้รับ
3.ให้ดามบริเวณที่ถูกงูกัด ด้วยวัสดุที่มีลักษณะแข็ง เช่น ท่อนไม้ ท่อ PVC เพื่อให้เคลื่อนไหวน้อยที่สุด
4. เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด ลดการถูกพิษงูถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็วขึ้น
5.วางอวัยวะส่วนที่ถูกงูกัดให้ต่ำกว่าหรือระดับเดียวกับหัวใจ
6.รีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด หรือเรียกรถพยาบาลมารับทันที
ข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเพชรเวช
ภาพจาก : AFP