หาดแม่รำพึงเงียบเหงา ยังพบ "เม็ดสีดำ" เหนียวมือบี้แตกเป็นน้ำมันเกยหาด วอนจนท.เร่งเก็บกู้
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานเช้านี้ สถานการณ์คราบน้ำมันบริเวณชายหาดแม่รำพึง ต.ตะพง อ.เมืองระยองไม่พบคราบน้ำมัน หรือผงดำ ตลอดแนวชายหาด นายวีรศักดิ์ คงณรงค์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านท้องถิ่นระยอง กล่าวว่า เช้านี้เป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ ชาวประมงเรียกว่าลมอุกา กระแสลมจะพัดจากฝั่งออกทะเล และในช่วงบ่ายตั้งแต่ เวลา 13.00น.- 15.00น.วันเดียวกัน ทิศทางลมจะเปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 12 กม.ต่อชม.พัดเข้าหาฝั่ง และช่วงเวลา 16.00น.ทิศทางลมจะเปลี่ยนเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าหาเกาะเสม็ด ให้เฝ้าระวังว่าจะมีผงดำขึ้นหาดทรายแก้วอีกหรือไม่ ส่วนที่บริเวณหาดทรายแก่ เกาะเสม็ดได้รับแจ้งว่า ช่วงเช้านี้ไม่มีผงดำขึ้นหาด เนื่องจากเป็นช่วงน้ำลง ชายหาดมีความกว้างมากขึ้น
นายจินดา แสงสินชัย อาชีพประมงกลุ่มคลองกระเชอ ร้านอาหารเมย์ดีซีฟู๊ด หาดแม่รำพึง กล่าวว่าบรรยากาศชายทะเล เงียบเหงาเหมือนเดิม วันนี้ยังมีก้อนสีดำเม็ดเล็กๆขึ้น ตามชายหาดบริเวณข้างศูนย์วิจัยประมง(บ้านปากคั่น) ลองเอามือบี้ก้อนดำแตกออกมาเป็นน้ำมันเหนียวมือ อยากให้หน่วยงานที่เฝ้าระวังมาเก็บกู้ไปให้หมดเร็วๆยิ่งดี พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มากินอาหารทะเลหาดแม่รำพึง เพราะอาหารทะเลสดทุกอย่างสั่งซื้อมาจาก จันทบุรีและสมุทรสาคร มาขายทั้งหมด มีรถบรรทุกอาหารทะเลตัวเป็นๆใส่เครื่องออกซิเจนวิ่งมาส่ง” ไม่ใช่ของทะเลที่แม่รำพึง” เนื่องจากเรือประมงหยุดออกทะเลมาหลายวันแล้ว จะได้มีรายได้เข้ามาเลี้ยงครอบครัวบ้าง ช่วงนี้พ่อค้าแม่ค้าต่างก็ได้รับผลกระทบหนัก
ขณะที่นายนพพร จิตเฉลิมชัยพันธุ์ ประธานสหกรณ์บริการเดินรถระยองรวมรถ จำกัด กล่าวว่ามีรถยนต์สองแถวโดยสารรับจ้าง วิ่งระหว่าง ระยอง- ท่าเรือแกลง- วังแก้วและบ้านสันติวัน อีกสายวิ่งระหว่าง ระยอง-ตะพง-หาดแม่รำพึง และมีวิ่งระหว่างระยอง-กะเฉด-สำนักทอง รวมทั้งหมด 130 กว่าคัน ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ คราบน้ำมันขึ้นชายหาดแม่รำพึง และคำสั่งประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติ หมู่ 1 ต.บ้านเพ หมู่ 5 และหมู่ 10 ต.ตะพง ห้ามเล่นน้ำ ห้ามจับสัตว์น้ำ และขอความร่วมมือหยุดการค้าขายอาหารทะเลชั่วคราว
นายนพพร จิตเฉลิมชัยพันธุ์ ประธานสหกรณ์บริการเดินรถระยองรวมรถ จำกัด กล่าวว่าผลกระทบคือนักท่องเที่ยวไม่มา พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ ขายน้อยลงหลายรายต้องหยุดขาย ไม่มีรายได้ เขาก็ไม่นั่งรถเข้าไปซื้อของในเมืองระยอง หลังเกิดเหตุท่อน้ำมันรั่ว รถโดยสารหลายคันต้องหยุดวิ่ง ไม่มีคนโดยสาร ขาดทุนค่าน้ำมัน เมื่อปี 2556ท่อน้ำมันรั่วเหมือนกัน ได้เงินเยียวยารายละ 5,000 บาท มาเจอโควิด-19โรงเรียนปิดหมด รถโดยสารก็ได้รับผลกระทบไม่มีเด็กนักเรียนขึ้นรถไปโรงเรียน ต้องมาเจอเหตุน้ำมันรั่วซ้ำอีก ครั้งนี้ได้รับผลกระทบหนักมาก ขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อโชเฟอร์รถโดยสาร พร้อมเอกสารร้องทุกข์ขอรับการเยียวยา ไปยื่นที่เทศบาลตำบลแกลงกะเฉดแล้ว