รีเซต

หอการค้าภาคตะวันออกชี้แม้จีดีพีภาคพุ่ง แต่ห่วงทุนจีนทำไม่ถูกกฎหมายกระทบคนพื้นที่

หอการค้าภาคตะวันออกชี้แม้จีดีพีภาคพุ่ง แต่ห่วงทุนจีนทำไม่ถูกกฎหมายกระทบคนพื้นที่
TNN ช่อง16
21 พฤศจิกายน 2568 ( 16:57 )
8

นายวิรัตน์  ศิริสกุลงาม  ประธานหอการค้าภาคตะวันออก เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ยังคงมีสัญญาณการเติบโตดี ด้วยภาคตะวันออกถือเป็นภาคที่มี GDP อยู่ในอันดับต้น ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดระยองที่มี GDP ต่อหัวต่อคนสูง ประมาณ 1 ล้านบาท และเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย การส่งออกผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ยังเป็นธุรกิจภาคเกษตรที่สร้างรายได้ระดับต้น ๆ ให้ประเทศ

การลงทุนในพื้นที่ EEC ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยเฉพาะการลงทุนจากจีนที่เข้ามาซื้อที่ดินในจังหวัดระยองจำนวนมากส่งผลให้ ราคาที่ดินในจังหวัดระยองขยับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ  20 ในช่วงปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ที่ดินสวนยางในเขตเมืองระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา มีราคาสูงถึงไร่ละ 2 ล้านกว่าบาท




ปัญหาสำคัญที่ภาคเอกชนกำลังกังวลคือ ทุนจีนจำนวนมากเข้ามาหาซื้อที่ดินนอกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากราคาที่ดินนอกนิคมฯ ถูกกว่ามาก (นอกนิคมฯ ราคาประมาณ 2 ล้านกว่าบาทต่อไร่ เทียบกับในนิคมฯ ที่ 4 ล้านกว่าบาท) แม้ว่าการซื้อที่ดินจะมาในรูปแบบการร่วมทุน โดยมีสัดส่วนคนไทยถือหุ้นร้อยละ 51 ต่างชาติร้อยละ 49 ซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องกำกับดูแลอย่างเข้มงวดไม่ให้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีการแจ้งทำธุรกิจประเภทหนึ่งแต่พอทำธุรกิจจริงเป็นอีกประเภท ที่ไม่ตรงตามที่ขอไว้ นอกจากนี้ยังมีการใช้แรงงานจากต่างชาติเข้ามาเองแทนที่จะใช้คนในพื้นที่

โดยภาพรวมการลงทุนจีนส่วนใหญ่ยังคงเน้นไปที่ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่สิ่งที่ภาคเอกชนตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลคือ "เมื่อระยอง GDP เป็นอันดับ 1 ของประเทศ แล้วคนระยองได้อะไรกับ GDP ที่โตขนาดนี้"

นอกจากนี้ ภาคตะวันออกยังเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน การปิดด่านชายแดนทำให้ผู้ค้าชายแดน โดยเฉพาะที่ติดกับจังหวัดตราด จันทบุรี และสระแก้ว เดือดร้อน และต้องหันไปใช้ช่องทางการขนส่งทางเรือแทน แม้จะยังสามารถส่งออกทางเรือได้ แต่ต้นทุนการขนส่งก็สูงขึ้น และมีความเสี่ยงที่ตลาดจะสูญเสียฐานลูกค้า โดยผู้ประกอบการไทยต้องยอมซื้อเวลาและปรับตัว

ในส่วนของการขยายพื้นที่ EEC ไปยังจังหวัดปราจีนบุรีนั้น ภาคเอกชนยืนยันว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษจะไม่ครอบคลุมทั้งจังหวัด แต่จะเป็นเพียงพื้นที่ที่ขอประกาศเป็นเขตพิเศษเท่านั้น ซึ่งต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เนื่องจากบางส่วนยังมีความกังวลว่า EEC จะส่งผลกระทบต่อภาคเกษตร เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท

สำหรับข้อเสนอ ถึงรัฐบาลในส่วนภาคตะวันออก จะเสนอยุทธศาสตร์ผลไม้เมืองร้อน ประกอบด้วยทุเรียน ลำไย มะพร้าว มะม่วง มังคุด เนื่องจากผลไม้เหล่านี้สร้างรายได้ให้กับประเทศหลายแสนล้าน โดยจังหวัดจันทบุรี จะเสนอให้จัดทำยุทธศาสตร์ทุเรียนไทย ซึ่งครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและป้องกันการแอบอ้างสวมสิทธิ์ทุเรียนไทย

ท้ายที่สุด ประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนคือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ภาคเอกชนระบุว่าเมื่อรัฐบาลยังไม่ชัดเจนหรือมีการยุบสภา ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่จึงต้องชะลอการตัดสินใจลงทุน โดยทุกคนต้องการความชัดเจน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง