ผู้ว่าฯสั่งอายัด 11 ศพ ในสำนักพระบิดา ไปชันสูตร ฟันผิด กม.รุกที่สาธารณะ ให้รื้อถอนโดยเร็ว
ผู้ว่าฯชัยภูมิสั่งอายัด 11 ศพ ในสำนักพระบิดา ชันสูตรหาสาเหตุการตาย ฟันผิด กม.รุกที่สาธารณประโยชน์ ให้รื้อถอนโดยเร็ว
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังจาก นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พร้อมทีมงานประสาน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และ พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร เข้าตรวจสอบ สำนัก (ฤๅษี) ปฏิบัติธรรมปลัด ตั้งอยู่กลางทุ่งป่าในพื้นที่หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการกักขังผู้มาปฏิบัติธรรมและรักษาโรคโดยวิธีการแบบแปลกประหลาด ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นกระท่อมไม้ชั้นเดียว มุงด้วยใบหญ้าคาภายในมีข้าวของวางรวมกองสูงไว้
นอกจากนี้ยังมีชายหญิงตั้งแต่วัยกลางคนไปถึงผู้สูงอายุมากกว่า 30 คน นั่งรายล้อมชายชราผมยาว ไม่สวมเสื้อ ที่บรรดาผู้มาปฏิบัติธรรมพากันเรียกว่า “พระบิดา” ซึ่งประชาชนที่มาทุกคน จะไม่ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่อย่างใด พร้อมบอกว่าหากอยู่ในสำนักภายใต้การปกครองของพระบิดาแห่งนี้แล้ว โรคโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายกับพวกเขาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างคณะเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว นายไกรสร ผู้ว่าฯชัยภูมิ ได้พูดคุยกับพระบิดา พร้อมให้คำแนะนำเรื่องสุขอนามัยของคนในสำนัก ก่อนจะตักเตือนคนที่มาปฏิบัติธรรมว่าอย่างมงาย ขณะเดียวกันหมอปลาและทีมงานได้ร่วมเดินทางไปยังสำนักดังกล่าวด้วย ทำให้บรรดาลูกศิษย์แตกตื่นและตกใจที่หมอปลานำสื่อมวลชนจำนวนมาบุกเข้ามาในสำนักด้วย
จากนั้นได้มีหญิงรายหนึ่งเข้ามากอดแขนและดึงหมอปลาไปหาพระบิดา บอกว่าไม่ต้องแวะที่ไหน เพราะบุคคลที่จะเข้ามาในสำนักทุกคนจะต้องมารายงานตัวให้พระบิดารับทราบ จากนั้นหมอปลาได้สอบถามชายที่อ้างตัวเป็น พระบิดา ทราบชื่อว่า นายทวี หนันลา หรือ โจเซฟ อายุ 74 ปี ชาว อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น อ้างตัวเป็นพระเมตไตรยะ โดยหมอปลาและผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายทวีว่า เหตุใดจึงสั่งสอนลูกศิษย์ให้เชื่อเรื่องงมงายแบบนี้ ในหน้าที่คือพระเจ้าผู้สร้างโลกจริงหรือไม่
นายทวีปฏิเสธการตอบคำถาม บอกเพียงว่า ไม่ได้สอนลูกศิษย์ แต่ลูกศิษย์เชื่อกันเอง ตนไม่ได้บังคับให้กินของเสียแต่อย่างใด
ระหว่างนั้นได้มีลูกศิษย์หญิงสูงวัย 2 คน ก้มดื่มปัสสาวะที่พระบิดาไว้ในหลุม และบอกว่า นี่คือพระโอสถชั้นดี คนที่ได้กลิ่นเหม็นและอาเจียนคือคนที่จิตใจไม่บริสุทธิ์ นอกจากนี้ พระบิดามักจะให้ลูกศิษย์กินขี้ไคลตัวเอง อ้างว่าทุกสิ่งที่ขับออกจากร่างกายพระบิดาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากใครได้กินแล้วจะหายจากโรคร้ายได้หมด
จากนั้นนายทวีได้ใช้ฝ่ามือถูขี้ไคลส่งให้กับลูกศิษย์หญิงคนหนึ่งหยิบก้อนขี้ไคลใส่ปากทันที พร้อมบอกว่าก้อนขี้ไคลคือยารักษาโรคชั้นดี กินแล้วร่างกายแข็งแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการตรวจสอบยังพบ ด้านหลังเตียงนอนของนายทวีมีโลงศพเขียนชื่อว่า นางวัล ทราบว่าโลงศพดังกล่าวเป็นศพของมารดานายทวี ส่วนด้านนอกเพิงพบโลงศพขนาดใหญ่ 3 โลง และโลงศพของเด็กทารก 1 โลง ลักษณะโลงศพทุกโลงจะถูกเจาะระบายน้ำเหลืองออกมา
นายมานะ อายุ 45 ปี หนึ่งในผู้ปฏิบัติธรรม เปิดเผยว่า ในสำนักแห่งนี้ไม่ได้มีเพียง 5 ศพในจุดนี้เท่านั้น แต่ยังมีอีก 6 ศพ ที่เก็บบรรจุไว้ตามจุดต่างๆ ทั้งในกระท่อมและมีการฝังลอยให้โลงศพอยู่บนพื้นดิน รวมทั้งสิ้นแล้วมีทั้งหมด 11 ศพ ทุกศพที่นำมาตั้งไว้ที่แห่งนี้มีญาติและญาติได้ยินยอม พร้อมกับมีใบแจ้งตายถูกต้องตามกฎหมายทุกศพ ญาติของบางศพได้มาปฏิบัติธรรมอยู่ที่สถานที่แห่งนี้ ส่วนการบรรจุศพจะเป็นไปตามกระบวนการของทีมแพทย์คือใส่ถุงซิปแบบมิดชิด แต่ไม่ได้ฉีดฟอร์มาลีนกันศพเน่า ซึ่งศพก็จะส่งกลิ่นเหม็นบ้าง ยอมรับว่ามีน้ำเหลืองไหลออกมาบ้าง แต่ไม่มาก
ด้านนายไกรสรกล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เปิดเป็นสำนักลักษณะเป็นลัทธิความเชื่อในกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง รักษาโรคตามคำกล่าวอ้าง เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มจากมีประชาชนร้องเรียนไปยังหมอปลาเพื่อร้องขอความช่วยเหลือว่ามีญาติเข้าไปรักษาในสำนักแห่งนี้แล้วหายตัวไป อยากให้มาช่วยเหลือนำตัวกลับบ้าน เบื้องต้นได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
นายไกรสรกล่าวว่า ความผิดมีทั้งฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ หลังพบคนในสำนักไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย พร้อมพิจารณาข้อกฎหมายอื่นๆ เพื่ออายัดศพทั้ง 11 ศพ ส่งไปทำการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ถูกต้อง และพิจารณาข้อกฎหมายบุกรุกพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ อบต.ในพื้นที่และนายอำเภอคอนสารจะดำเนินการแจ้งให้ผู้บุกรุกเร่งรื้อถอนโดยเร็ว หากไม่รื้อเองเจ้าหน้าที่มีขั้นตอนเข้ารื้อให้ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
นายไกรสรกล่าวว่า ส่วนตัวแล้วไม่เคยทราบมาก่อนว่าในพื้นที่แห่งนี้มีสำนักปฏิบัติธรรมประหลาดแบบนี้ ซึ่งเพิ่งย้ายมารับตำแหน่งผู้ว่าฯที่ชัยภูมิได้ไม่นาน และจะต้องดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับนายทวี หรือพระบิดา หากมีมูลความผิดก็จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายที่พบทั้งหมด
ขณะที่บรรยากาศการควบคุมตัวนายทวี หรือพระบิดา ที่ สภ.คอนสาร ยังมีญาติและสาวกบางส่วนกว่า 10 คน เดินทางไปเฝ้าอยู่หน้าโรงพัก ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ที่ห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้า-ออกโรงพัก เพื่อเป็นการเข้มงวด ซึ่งยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด