รีเซต

รัสเซียตอบกลับสหรัฐฯ ปมยูเครน กับสงครามวิวาทะที่ไม่มีใครยอมใคร

รัสเซียตอบกลับสหรัฐฯ ปมยูเครน กับสงครามวิวาทะที่ไม่มีใครยอมใคร
TNN ช่อง16
1 กุมภาพันธ์ 2565 ( 15:47 )
178
รัสเซียตอบกลับสหรัฐฯ ปมยูเครน กับสงครามวิวาทะที่ไม่มีใครยอมใคร

---เดินหน้าหารือหวังทลายความตึงเครียด---


โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า กรณีที่สหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายลับหารัสเซียเพื่อหวังหาข้อสรุปเรื่องวิกฤตยูเครนที่กำลังเกิดขึ้น ล่าสุดสหรัฐฯ ได้รับจดหมายตอบกลับจากรัสเซียแล้ว แต่ทางกระทรวงยังไม่เปิดเผยเนื้อหาในจดหมายดังกล่าวแต่อย่างใด


การตอบกลับของรัสเซียมีขึ้นไม่กี่วัน หลังจากที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ได้เขียนจดหมายส่งไปให้รัสเซีย และมีการวางแผนว่าจะมีการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน และรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ในวันอังคาร (1 กุมภาพันธ์


มันคงไม่ดีหากเปิดเผยต่อสาธารณะ ดังนั้นเราจะปล่อยให้รัสเซียเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะหารือในสิ่งที่พวกเขาตอบกลับมาว่าอย่างไร เรายังคงยืนยันการเจรจาในประเด็นเหล่านี้ และเดินหน้าหารือร่วมอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรของเรา รวมถึงยูเครนด้วย” โฆษกต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว


ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า จดหมายตอบกลับของรัสเซียนี้ ได้รับก่อนที่จะมีการหารือในวงใหญ่อย่างเวทีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ในประเด็นวิกฤตยูเครน-รัสเซีย เมื่อวันจันทร์ (31 มกราคมหรือไม่ ซึ่งเวทีดังกล่าว ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อทูตของทั้ง 2 มหาอำนาจต่างตอบโต้กันอย่างดุเดือด


---สหรัฐฯ พร้อมตอบโต้รัสเซีย---


ย้อนกลับไปเมื่อ 17 ธันวาคม 2021 รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยร่างข้อตกลงการรับประกันความมั่นคงระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ รวมถึงร่างข้อตกลงเพื่อระหว่างรัสเซียและชาติสมาชิก NATO 


โดยเน้นในเรื่องการรับประกันความมั่นคงว่า NATO จะไม่ขยายอำนาจไปยังฝั่งตะวันออกที่ติดกับรัสเซีย รวมถึงการไม่รับยูเครน และยุโรปตะวันออกอื่น  เข้าเป็นสมาชิก ตลอดจนการไม่ขนอาวุธหนักเข้ามาใกล้กับพรมแดนรัสเซีย 


ถัดมาวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ และ NATO ได้เขียนจดหมายลับฉบับหนึ่งถึงรัสเซีย โดยสหรัฐฯ ก็ไม่ได้เปิดเผยเนื้อหาสาระในจดหมายแต่อย่างใด 


ด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ย้ำว่า สหรัฐฯ จริงจังในเป้าหมายเมื่อเป็นเรื่องทางการทูต แต่ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็ให้ความสำคัญเท่ากันกับการสนับสนุนการป้องกันยูเครน และพร้อมที่จะมีการตอบโต้อย่างเป็นเอกภาพทันที หากรัสเซียรุกรานมากขึ้น 


ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับรัสเซียแล้วว่าจะตัดสินใจที่จะตอบอย่างไร เพราะสหรัฐฯ พร้อมในทุกทาง


---วาทกรรมเดือดกลางที่ประชุม UNSC---


เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ลินดา ทอมัส-กรีนฟิลด์ ระบุว่า การเคลื่อนพลนับแสนของรัสเซียประชิดพรมแดนยูเครน ถือว่าเป็นการเคลื่อนพลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ


แต่ทูตรัสเซีย วาซิลี เนเบนซยา โต้กลับว่า อเมริกาพยายามปลุกปั่นกระแสข่าวว่าจะเกิดสงคราม และไม่ยอมรับหากนานาชาติจะแทรกแซงกิจการของรัสเซีย


ด้านสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ให้คำมั่นจะคว่ำบาตรรัสเซียอย่างหนักหากบุกยูเครน ตอนนี้กำลังร่างข้อกฏหมายเพื่อคว่ำบาตรบุคคลและธุรกิจที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลรัสเซีย


เนเบนซยา เอกอัครราชทูตรัสเซีย โต้กลับไปว่า ไม่มีหลักฐานว่ารัสเซียกำลังเตรียมทำสงครามกับยูเครน และการเคลื่อนพลภายในอาณาเขตของตนเอง ไม่ใช่กงการอะไรของสหรัฐฯ 


---ยูเครนยืนหยัดต้านรัสเซีย---


ขณะเดียวกัน ผู้แทนของยูเครนประจำ UN เซอร์กีย์ คิสลิตสยา กล่าวว่า ยูเครนขอให้รัฐบาลรัสเซียถอนกำลังทหารออกจากบริเวณพรมแดนติดกับยูเครน และยูเครนขอปฏิเสธความพยายามของรัสเซียในการใช้กำลังทหาร ข่มขู่ยูเครนไม่ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ตามที่รัสเซียต้องการ 


พร้อมยืนยันสิทธิของยูเครน ในการตัดสินใจด้านความมั่นคงของชาติ รวมทั้งการเข้าร่วมกลุ่มองค์กรพันธมิตรใด  ก็ตาม


อย่างไรก็ตาม รัสเซียพยายามคัดค้านการจัดประชุมสมัยพิเศษของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่คะแนนค้านตำ่แค่ 2 คะแนน ต่อ 10 คะแนน


---จับตาเจรจาครั้งใหม่สหรัฐฯ-รัสเซีย---


รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ-รัสเซีย เตรียมเจรจาทางโทรศัพท์วันนี้ หากเกิดขึ้นตามแผน จะเป็นการเจรจาตรงครั้งแรกระหว่างสองรัฐมนตรี ตั้งแต่การประชุมในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งการประชุมปิดฉากลงโดยไม่มีความคืบหน้า 


ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน มีแถลงการณ์ในวันจันทร์ (31 มกราคมว่า หากรัสเซียมีความจริงใจในการแก้ปัญหาความตึงเครียดนี้ ผ่านการเจรจา สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรก็จะยังคงยึดมั่นกับแนวทางสันตินี้ต่อไป 


แต่หากรัสเซีย ตัดสินใจเดินออกจากการเจรจาและใช้วิธีทางทหารโจมตียูเครน รัสเซียก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำน้ันและจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ตามมา

—————

แปล-เรียบเรียงภัทร จินตนะกุล และ ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล

ภาพ: Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง