ALLA จ่อบุ๊กแบ็กล็อก80% ชิงงานใหม่มูลค่า300 ล้าน
ทันหุ้น – ALLA แววผลงานไตรมาส 3/2564 ฟื้น หลังรัฐคลายล็อกดาวน์ เอื้อส่งมอบงานลูกค้าได้เพิ่มกว่า 70-80% ของมูลค่างานที่มีในมือ 405 ล้านบาท และคาดว่าต่อเนื่องไปในไตรมาส 4/2564พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ด้าน EPC เล็งคว้างานติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปเข้ามาเพิ่มได้อีก 2-3 โครงการ หนุนผลงานครึ่งปีหลังเด่น
นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มธุรกิจและอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งหลังปีจะขยายตัวดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากภาครัฐมีการคลายล็อกดาวน์ทำให้สามารถเข้าหน้างานเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ให้กับลูกค้า สะท้อนต่อการทยอยส่งมอบงานและรับรู้รายได้จะมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น จากเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ที่ 203.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.69 ล้านบาท และคาดว่าจะโดดเด่นที่สุดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
*เดินหน้าชิงงานใหม่
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจรับงานโครงการใหม่ๆ รวมถึงติดตามงานประมูลที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะเครนและรอกไฟฟ้า (Crane and Hoist) สะพานปรับระดับ (Dock Leveler) และงานช่องโหลดสินค้า และอุปกรณ์ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีงานที่บริษัทได้เข้าไปเสนอราคาแล้วมากกว่า 100-200 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นงานของลูกค้าเดิมบริษัทที่มีการลงทุนส่วนขยาย ทำให้บริษัทมีความคาดหวังจะได้รับงานดังกล่าวทั้งหมด (Hire Prudential) โดยในช่วงไตรมาส 2/2564บริษัทได้รับงานจากโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 80-90 ล้านบาท เข้ามาเพิ่ม (ยังไม่รวมเป็น Backlog)
ขณะที่การลงทุนในงานติดตั้งและวางระบบ (EPC) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) นั้น ในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับทางผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ประมาณ 2-3 ราย มูลค่าราว 2-3ล้านบาทต่อโครงการ ซึ่งคาดว่าเมื่อสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นจะสามารถเดินหน้าเซ็นสัญญารับงานดังกล่าวได้ทันที รวมไปถึงในเรื่องของการหาพันธมิตรสถาบันการเงินเข้ามาสนับสนุนการลงทุนให้กับลูกค้า เพื่อขยายโอกาสในการรับงานให้กับบริษัทได้มากขึ้น คาดว่าปลายปีนี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
*ส่งมอบงานเพิ่มขึ้น
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/2564มองว่าจะมีการเติบโตดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หลักๆ เนื่องจากบริษัทมีงานหลายโครงการที่มีการเลื่อนกำหนดการติดตั้งมาเป็นช่วงไตรมาส 3 และ 4/2564 แทน จากเดิมที่อยู่ในช่วงประมาณไตรมาสที่ 2 ซึ่งภาครัฐล็อกดาวน์คุมพื้นที่เสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่มีความรุนแรงและขยายตัวเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี บริษัทคาดหวังว่าปลายไตรมาส 3/2564 และไตรมาส 4/2564 จะส่งมอบงานและรับรู้รายได้กว่า 70-80%ของมูลค่างานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) ที่มี ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ที่ 405 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีความสนใจที่จะการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ผ่านมาบริษัทมีการเปิดโอกาสอยู่ตลอดและไม่ได้ปิดกั้น รับว่ามีความสนใจในหลากหลายธุรกิจเพื่อเข้ามาช่วยกระจายความเสี่ยงของธุรกิจหลัก และช่วยสร้างเสถียรภาพการเติบโตให้ผลการดำเนินงานบริษัท สำหรับการลงทุนในงานติดตั้งระบบลิฟต์จอดรถและก่อสร้างนั้น มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะลงทุนในธุรกิจดังกล่าวเอง โดยอาจต้องมีการศึกษา ผู้ผลิต (Supplier) ที่จำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องในงานดังกล่าว
ส่วนการลงทุนงานการติดตั้งบริษัทมองว่าพื้นฐานคล้ายๆ กับธุรกิจเครนไฟฟ้า, ช่องโหลดสินค้า และอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ส่วนความชัดเจนในการลงทุนดังกล่าวนั้น อาจต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาสภาวะทางเศรษฐกิจ และมูลค่าของการลงทุนประกอบด้วย ซึ่งคงต้องมารอดูกันใหม่อีกทีในปี 2565 ว่าสถานการณ์ต่างๆ มีความผ่อนคลายไปได้มากน้อยแค่ไหน
"ต้องยอมรับว่าวิกฤติโรคระบาดและการล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมามีผลกระทบต่อการส่งมอบงานของเรา แต่ด้วยการปรับกลยุทธ์ด้วยการผลิตตามออเดอร์และสต๊อกไว้เพื่อรอการส่งมอบ ทำให้หลังจากคลายล็อกดาวน์และสามารถเข้าหน้างานเพื่อติดตั้งได้แล้ว ทีนี้การส่งมอบงานและรับรู้รายได้จะเป็นไปได้ค่อนข้างเร็ว โดยในตอนนี้เรามี Backlog ในมืออยู่ที่ราว 405 ล้านบาท คาดว่ากว่า 70-80% ทยอยรับรู้เรามาเป็นรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อีกทั้งเรามีโอกาสได้งานเข้ามาเพิ่ม ดังนั้นจึงมองว่าการเติบโตของรายได้รวมปี 2564 ที่วางเป้าหมายไว้ 10% จากปีก่อน ยังคงเป็นไปได้สูง"นายองอาจ กล่าว