รัสเซียกลับลำพร้อมเจรจา ด้านยูเครนพลิกลิ้น ชี้สงครามอาจยังไม่เกิด
สำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า ในการประชุมระหว่างนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ประชุมร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ลาฟรอฟระบุว่า “มีโอกาสเสมอ” ที่จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับยูเครนกับชาติตะวันตก และขอให้ดำเนินการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวต่อไป
อย่างไรก็ตาม ลาฟรอฟกล่าวว่า สหรัฐฯ ได้ยื่นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมในการลดความเสี่ยงทางทหาร แต่การตอบสนองจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต และสหภาพยุโรป เรื่องการกีดกันไม่ให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต กลับไม่เป็นที่น่าพอใจ
การหารือของทั้งสองคนมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ สุดท้ายแล้ว ลาฟรอฟกล่าวว่า ผมขอแนะนำให้ดำเนินการเจรจาต่อ ขณะที่ปูตินตอบว่า “ก็ได้”
---ฝั่งยูเครนว่าอย่างไร.....---
ผู้นำยูเครนระบุว่า รัสเซียจะบุกยูเครนในวันพรุ่งนี้ (16 กุมภาพันธ์) แต่ต่อมากลับลำ ประกาศให้วันพรุ่งนี้ เป็น “วันแห่งความสามัคคี” ของยูเครนไปแทน
ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระบุเมื่อวานนี้ (14 กุมภาพันธ์) ว่า ได้รับการแจ้งว่า รัสเซียจะบุกยูเครนในวันพรุ่งนี้ (16 กุมภาพันธ์) แต่ต่อมาประธานาธิบดีเซเลนสกี้ได้กลับลำ และประกาศให้วันที่ 16 กุมภาพันธ์ เป็น “วันแห่งสามัคคี” ของชาวยูเครนแทน
ด้านโฆษกของเซเลนสกี้ชี้แจงว่า ประธานาธิบดีเพียงแต่พูดตามที่สื่อต่าง ๆ รายงานว่า รัสเซียจะบุกยูเครนภายในอีกไม่กี่วันนี้เท่านั้น
---ปธน.ยูเครน ยืนยันไม่หนี---
เซเลนสกี้ ยังได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีล่าสุด กำหนดให้คณะรัฐมนตรียูเครน จะต้องอนุมัติแผนปฏิบัติการ เพื่อเพิ่มเงินงบประมาณให้แก่กองทัพยูเครน และเจ้าหน้าที่รัฐบาลทุกคนจะต้องมารายงานตัวเข้าทำงานด้วย
ผู้นำยูเครนยังยืนยันว่า ว่ายูเครนจะยังคงต้องการเป็นสมาชิกนาโตต่อไป แม้ว่ารัสเซียจะคัดค้านและบางประเทศในตะวันตกมีความสงสัย และเขากับครอบครัวไม่มีแผนจะเดินทางออกนอกประเทศ เพราะเขาเป็นประธานาธิบดี และภริยาของเขาก็เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ดังนั้นครอบครัวของเขาจะเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นๆ
ทั้งนี้ ยูเครนได้เรียกร้องให้จัดการประชุมกับรัสเซียและประเทศสมาชิกหลักของกลุ่มความมั่นคงทวีปยุโรปเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณพรมแดนรัสเซียกับยูเครน
---เตือนชาวอเมริกันออกมาทันที---
ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐฯ ทหารอเมริกันเริ่มออกเดินทางด้วยเครื่องบินจากฐานทัพฟอร์ท แบร็ก ในรัฐนอร์ธแคโรไลนาเพื่อไปยังยุโรปเมื่อวานนี้ (14 กุมภาพันธ์) หลังโปแลนด์เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะส่งทหาร 3,000 นายเข้าไปยังโปแลนด์ภายในไม่กี่วันนี้ ตามคำเรียกร้องของโปแลนด์
ทหาร 3,000 นายนี้ เพิ่มเติมจากที่สหรัฐฯ ได้สั่งเตรียมพร้อมทหาร 8,500 นาย ที่จะพร้อมส่งไปยังยุโรปได้ทันทีหากจำเป็น และอีกเกือบ 3,000 นายที่สหรัฐฯ ระบุเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ว่า จะส่งไปยังโปแลนด์และโรมาเนีย
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เตือนให้พลเมืองอเมริกันออกจากเบลารุสทันที เนื่องจากรัสเซียเพิ่มกองกำลังมากขึ้นตามแนวชายแดนของเบลารุสกับยูเครน
หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้แนะนำให้พลเมืองอเมริกันออกจากยูเครนแล้ว และประกาศจะย้ายสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครนไปยังเมืองลวิวที่อยู่ทางตะวันตกแทน เนื่องจากรัสเซียตรึงกำลังทหารหนาแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในพื้นที่ชายแดนที่ติดกับยูเครน และกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อจุดยืนของสหรัฐในการสนับสนุนอธิปไตยและความเป็นปึกแผ่นของดินแดนยูเครน
นอกจากนี้ พลเอกลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม มีคำสั่งโยกย้ายกำลังพลทหารอเมริกันที่ไปประจำการในยูเครนเมื่อปีที่แล้ว ออกไปยังประเทศยุโรปอื่น ๆ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เตือนว่ารัสเซียยังคงระดมกำลังทหารมากกว่า 100,000 นายใกล้ชายแดนรัสเซียกับยูเครนและในเบลารุสที่อยู่ใกล้เคียง และสามารถโจมตีได้ทุกเมื่อ รวมทั้งในกรุงเคียฟด้วย
ขณะที่รัสเซียก็ยังยืนกรานปฏิเสธว่าไม่มีแผนบุกยูเครน แต่อาจมีการใช้เทคนิคทางการทหารบางอย่าง หากสหรัฐฯ และนาโต ไม่ตอบรับข้อเสนอด้านความมั่นคงของรัสเซีย ที่รวมถึงไม่ต้องการให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต และไม่ขยายอิทธิพลนาโตมาทางตะวันออก
---ด้านความเคลื่อนไหวของประเทศอื่น ๆ---
ด้านโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเดินทางไปเยือนกรุงเคียฟเมื่อวานนี้ (15 กุมภาพันธ์) และให้คำมั่นว่าเยอมนีและพันธมิตรตะวันตก จะรักษาการสนับสนุนด้านความมั่นคงและความเป็นอิสระของยูเครน พร้อมเรียกร้องให้รัสเซียรับ "ข้อเสนอการเจรจา" และระบุระหว่างแถลงข่าวร่วมกับผู้นำยูเครนว่า ไม่มีเหตุผลอันสมควรที่รัสเซียจะสร้างกองกำลังรอบ ๆ พรมแดนยูเครน
ผู้นำเยอรมนียังระบุว่า จะนำคำเตือนไปยังรัสเซีย เมื่อเข้าพบกับประธานาธิบดีปูตินในวันพรุ่งนี้ (16 กุมภาพันธ์)
ด้าน นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ของแคนาดา ประกาศเมื่อวานนี้ (14) จะมอบอาวุธและเครื่องกระสุนรวมมูลค่า 7,800 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือราว 198,152 ล้านบาทให้แก่ยูเครน และเสนอให้เงินกู้ 500 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือ 12,695 ล้านบาทแก่ยูเครนด้วย เพื่อเป็นการแสดงความสนับสนุนยูเครน และกระตุ้นรัสเซียให้เลิกใช้วิธีก้าวร้าวต่อยูเครน
—————
แปล-เรียบเรียง: เสาวณีย์ พิสิฐานุสรณ์ และ สุภาพร เอ็ลเดรจ
ภาพ: Getty Image