'สุพันธุ์' จี้รัฐกู้อีก5แสนล.ตุนฟื้นฟูรับโควิดสงบ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน3สถาบัน(กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอเข้าพบหารือถึงประเด็นเร่งด่วนในการแก้ปัญหาของประเทศ ทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการตอบจากนายกรัฐมนตรีพร้อมกำหนดวันให้เข้าพบอย่างทางการ
ประเด็นที่กกร.เตรียมหารือกับนายกรัฐมนตรี จะแบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก คือ วัคซีนและการคัดกรอง และเรื่องการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นเสนอจากที่ประชุมกกร.เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อาทิ ไม่ต้องการให้รัฐบาลขยายเวลาและพื้นที่ในการล็อกดาวน์ ทั้งบางส่วนและทั้งประเทศ หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่อยากให้ภาครัฐจัดหาวัคซีนเข้ามาให้มากที่สุดทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก อนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องผ่านผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่ายและหน่วยงานรัฐ และต้องการให้ภาครัฐเร่งคัดกรองแยกผู้ป่วยเข้าระบบการรักษาด้วยเครื่องตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท หรือเอทีเค และให้เอกชนช่วยสนับสนุนการผลิตและจัดหายา ฟาวิพิราเวียร์ ที่กำลังมีความต้องการสูง นอกจากนี้อยากให้ภาครัฐสนับสนุนการลดหย่อนภาษี 2 เท่า สำหรับภาคเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดตรวจโควิดแบบเร่งด่วน และการซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19
นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลบรรเทาผลกระทบของประชาชนด้วยการขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 90%ออกไปอีก 1 ปี ของการจัดเก็บภาษี ปีภาษี 2565 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1มกราคม2565 จนถึงวันที่31ธันวาคม2565 เพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันความเสียหายผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็น 60% ขึ้นไป ขอกรมสรรพากรยกเว้นภาษีเอสเอ็มอี 3 ปี ซึ่งเอสเอ็มอีต้องทำบัญชีเดียวและยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์
“ส่วนตัวอยากให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่มอีก 5แสนล้านบาท รวมเป็นกู้รวม 2ล้านล้านบาท เพื่อเตรียมไว้สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงปลายปีถึงต้นปีหน้าเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายจากการฉีดวัคซีนครอบคลุมทั่วประเทศ เหมือนรักษาคนป่วยออกจากห้องฉุกเฉินก็ต้องให้ยาจนกว่าจะหาย เพราะ 5แสนล้านบาทที่กู้มาล่าสุดคาดว่าจะใช้เยียวยาจนหมด จะไม่มีเงินเหลือสำหรับการฟื้นฟูอนาคต”นายสุพันธุ์กล่าว