BYD ลุยล้างขาดทุนสะสม ชูธุรกิจรถบัสไฟฟ้าทำเงิน
#BYD #ทันหุ้น – BYD มั่นใจปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้งจบปลายปีนี้ พร้อมเดินหน้าแผนล้างขาดทุนสะสม ด้านธุรกิจหลักทรัพย์มีดีลไอพีโอ 3-5 บริษัท คาดจะยื่นไฟลิ่งปีนี้ 1 บริษัท ส่วนธุรกิจอีวีคาดรับ รถบัสไฟฟ้ากว่า 1,850 คัน ขยายการให้บริการดันจำนวนผู้โดยสารเพิ่ม มองโอกาสสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต
นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างบริษัทเป็นบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2566 นี้ โดยธุรกิจหลักทรัพย์ยังจะเป็นธุรกิจหลัก รวมถึงการเดินหน้าการลงทุนให้บริการขนส่งสาธารณะด้วยยานยนต์ไฟฟ้า และอนาคตมีโอกาสที่อาจจะเห็นการลงทุนอื่นๆ ด้วย และการศึกษาแผนการล้างขาดทุนสะสม จะเป็นส่วนหนึ่งในผลการปรับโครงสร้างครั้งนี้
*ขยายรถบัสไฟฟ้า
สำหรับเข้าไปลงทุนในบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด หรือ TSB เพื่อขยายธุรกิจเป็นการให้บริการธุรกิจขนส่งมวลชนสาธารณะ ที่ใช้ยานพาหนะที่เป็นไฟฟ้า ทั้งรถบัสไฟฟ้า (E-Bus) และเรือไฟฟ้า(E-Ferry) คาดว่าไทยสมายล์บัสจะมีผลประกอบการที่เป็นกำไรในปี 2568 โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการบรรจุรถ Ev Bus ในเส้นทาง 8 สายเดิมกว่า 123 คัน และการลงทุนเพื่อรองรับ 77 เส้นทางใหม่กว่า 1,004 คัน รวม 1,127 คัน ทำให้เริ่มมีการให้บริการมากขึ้นเรื่อย
โดยในปีนี้มีแผนการที่จะขยายรถ Ev Bus โดย 8 สายเดิม จะเพิ่มรถจำนวน 166 คัน ส่วน 77 เส้นทางใหม่ จะเพิ่มรถจำนวน 755 คัน รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนรถของกลุ่มสมาร์ทบัส จำนวน 37 เส้นทาง อีกกว่า 949 คัน รวมทั้งสิ้นกว่า 1,850 คัน ซึ่งสอดคล้องกับผู้ผลิต คือ Nex Point ที่ จะสามารถซัพพลายรถให้แก่บริษัทได้ ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 300 คันต่อวัน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องของการรับรถ ขณะที่จำนวนผู้โดยสารคาดว่าจะเพิ่มเป็น 300-400 ตั๋วต่อคันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 215-346 ตั๋วต่อคันต่อวัน และมีการจัดให้มีตั๋วร่วมเพื่อให้ผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการให้ได้มากที่สุด
*เดินหน้าขายคาร์บอน
สำหรับการขายคาร์บอนเครดิต นั้นถือเป็นปัจจัยบวก ที่บริษัทจะได้รับจากธุรกิจให้บริการขนส่งสาธารณะด้วยยานยนต์ไฟฟ้า เพราะปัจจุบันมีรถบัสไฟฟ้ารวม 3 พันคัน และเรือไฟฟ้า ประมาณ 27 คัน ซึ่งจะสามารถขึ้นทะเบียนเป็นคาร์บอนเครดิตได้มากกว่า 250,000 ตันต่อปี และเชื่อว่าทุกประเทศและทุกธุรกิจ จะให้ความสนใจในเรื่องการลดคาร์บอน หรือการซื้อคาร์บอนมา Offset จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัท ที่จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทต่อไป เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มรับรู้ในปี 2567 ส่วนราคาซื้อขายจะสามารถขายในต่างประเทศได้ จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในราคาที่สูงขึ้น
*มีลูกค้าไอพีโอ 3-5 ดีล
ขณะที่ นางสาวปทิตตา มิลินทจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BYD เปิดเผยว่า ธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ให้บริการหลายส่วนทั้งการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ รวมไปถึงงานด้านวาณิธนกิจ ซึ่งมีดีลอยู่ในมือ 3-5 ดีล คาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง) อย่างน้อย 1 ดีล
และการปล่อยเงินกู้เพื่อเพิ่มอำนาจซื้อหุ้นได้ (Margin Loan) ซึ่งบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมปล่อยเงินกู้ยืมมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น 800-1,000 ล้านบาท ,การเป็นนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เป็นต้น ปีนี้จะมุ่งการขยายธุรกิจเชิงรุกมากขึ้น ปรับกลยุทธ์ เพิ่มทีมการทำงาน