‘พิพัฒน์’ ลุยทำแผนรับต่างชาติหนา 90 หน้า เตรียมเสนอนายกส่วนตัวในสัปดาห์นี้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า แนวคิดในการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะนำร่องในจังหวัดภูเก็ตนั้น ขณะนี้ได้จัดทำข้อมูลและรายละเอียดของแนวคิดดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้นำกลับมาทบทวนใหม่อีกครั้ง เนื่องจากยังติดในส่วนความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ จึงได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบธุรกิจและชาวบ้านในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจในภูเก็ต เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพบว่ามีความเห็นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เห็นด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหาเช้ากินค่ำ และอยู่ในพื้นที่นอกเมือง ส่วนคนในเมือง ยังไม่ได้เห็นด้วยกับแนวทางมากนัก แต่เชื่อว่าเป็นเพราะยังไม่เข้าใจถึงรูปแบบและมาตรการที่รัฐบาลได้จัดเตรียมไว้ เพื่อรองรับต่างชาติ และควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้จะมีการประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้เข้าใจตรงกันต่อไป โดยได้จัดทำข้อมูลหนากว่า 90 หน้า เพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์นี้ โดยข้อมูลชุดนี้จะมีทั้งแนวทางการปฏิบัติ การเตรียมความพร้อม มาตรการทางสาธารณสุข และการรับฟังความคิดเห็น หลัฝจากนั้นจะนำเสนอเข้าที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หรือ ศบค. และศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 หรือ ศบศ. ก่อนจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังคาดหวังและพยายามที่จะผลักดันให้มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยคนแรกให้ได้ภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้ามาในระยะ 72 ชั่วโมง และเมื่อเข้ามาแล้วต้องตรวจซ้ำอีก 1 ครั้ง ก่อนเข้ากักตัว 14 วัน หลังจากครบแล้วต้องตรวจซ้ำอีกครั้ง และยังไม่อนุญาตให้เดินทางข้ามจังหวัด โดยจะสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ในวันที่ 21 เป็นต้นไป การที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป รายได้จากไทยไม่ถึง 40% ของต่างชาติแน่นอน ทำให้เงื่อนไขและการกำหนดมาตรการในการเปิดรับต่างชาติเข้มข้นมาก และปฏิบัติไม่แตกต่างกับการกลับเข้ามาของคนไทย ซึ่งจะเปลี่ยนแนวคิดการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาในรูปแบบสเปเชียลวีซ่า (Special Visa)
1 สัปดาห์ไม่เกิน 300 คน เป็นบินเหมาลำเที่ยวบินละ 100 คน ไม่เกิน 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ เพื่อให้มีรายได้จากต่างชาติเข้ามาเพิ่ม โดยจะพยายามกระตุ้นให้รายได้ในภาคการท่องเที่ยวในปี 2563 ทำได้ตามเป้าหมายที่ 1.23 ล้านล้านบาทให้ได้
“มั่นใจว่าคนภูเก็ตจะยอมให้คนต่างชาติเข้ามาในเร็วๆ นี้ เพราะกระทรวงฯ จะสร้างความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยขณะนี้รูปแบบการเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อยากให้ลืมรูปแบบของภูเก็ตโมเดลไปก่อน เพราพแนวคิดการเปิดรับต่างชาติในตอนนี้ มีความปลอดภัยและเข้มข้นมากกว่าเดิม รวมถึงไม่ได้จะทำที่ภูเก็ตเท่านั้น แต่สถานที่อื่น หากมีความพร้อมก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยขณะนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าได้รับการประสานจากเครือข่ายต่างๆ ทั้งในทวีปยุโรป อเมริกา เอเชีย ที่ปกติจะเดินทางหนีหนาวมาเที่ยวในไทย ซึ่งททท.พร้อมที่จะเป็นผู้ดำเนินการให้ จึงเชื่อว่าหากไทยมีความชัดเจนแล้ว ต่างชาติก็พร้อมเดินทางเข้ามาทันที” นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า แผนรับต่างขาติที่ปรับใหม่ เพิ่มเรื่องผลสำรวจความคิดเห็นของคนในพื้นที่เข้าไป และจะชูเรื่องปากท้องของคนในพื้นที่ ต้องทำให้เห็นว่ส การนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา เป็นการสร้างรายได้ อาทิ ในจังหวัดภูเก็ตเป็นเศรษฐกิจเชิงเดี่ยว มีมูลค่ากว่า 4.7 แสนล้านบาท ในภาพรวมของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งในระยะต่อไป จะสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนว่ส การนำนักท่องที่ยวเข้ามา มีเหคุผลอย่างไร ต้องสื่อสารว่าทุกอย่างมีความปลอดภัยตามที่วางเงื่อนไขไว้อย่างเข้มแข็ง โดยเชื่อว่าหากนำเสนอนายกรัฐมนตรีแล้ว จะสะท้อนให้เห็นได้ว่า หากประเทศไทยไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาภายในไตรมาส 4/2563 จะทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบสูงมากอย่างไร เพราะหากหวังพึ่งพารายได้จากตลาดไทยเที่ยวไทยกันเอง อย่างไรทั้งปีก็เที่ยวและสร้างรายได้ให้ไม่ถึง 40% จากรายได้ทั้งหมดที่เคยได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามากว่า 40 ล้านคนต่อปี
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการ ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะต้องจ่ายเงินในการจองที่พัก ที่จะใช้ในการกักตัวก่อน (เอเอสคิว) และมีรายละเอียดแผนการเดินทางหากกักตัวจนครบ ไม่พบเชื้อ และได้รับอนุญาตให้เดินทางข้ามจังหวัดได้แล้ว โดยในส่วนของรายละเอียดที่ครบถ้วนจริงๆ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จะเป็นผู้กำหนดรายละเอียดที่ต้องการเพิ่มเติมอีกครั้ง เพราะเกี่ยวข้องกับต้องขอวีซ่าใหม่ คือ สเปเชี่ยล ทัวร์ริส วีซ่า โดยขณะนี้ผู้ประกอบการที่เป็นเอเอสคิวที่เป็นโรงแรมพร้อมในการรองการกักตัวทั้งที่เป็นเอเอสคิว ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และแอลเอสคิว ที่เป็นพื้นที่ต่างจังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต บุรีรัมย์ และชลบุรี ประมาณ 55 แห่ง โดยเบื้องต้นจะนำร่องประเทศความเสี่ยงต่ำในระยะใกล้ บินไม่เกิน 4 ชั่วโมงเท่านั้น