อิสราเอล-อิหร่านระอุ! "พิพัฒน์" แถลงแรงงานไทยยังปลอดภัย ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วม นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน กระทรวงแรงงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการดูแลให้แรงงานไทยที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยครบทุกคน 100%
นายพิพัฒน์ ยืนยันว่า แรงงานไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่านยังปลอดภัยดี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ขณะนี้กระทรวงแรงงานสามารถติดต่อกับแรงงานทุกคนได้ครบถ้วนเรียบร้อย และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันทีหากมีความจำเป็น
สำหรับสถานการณ์แรงงานไทยในอิสราเอล ข้อมูลล่าสุดพบว่ามีแรงงานไทยรวม 39,500 คน แบ่งเป็นแรงงานถูกกฎหมายประมาณ 33,000 คน และแรงงานผิดกฎหมายอีกประมาณ 6,500 คน โดยประกอบอาชีพหลักในภาคเกษตร 29,300 คน ก่อสร้าง 2,500 คน และภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีก 1,200 คน
ขณะเดียวกัน และได้ชะลอการจัดส่งแรงงาน เข้าไปทำงานเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว และส่วนในประเทศอิหร่าน มีคนไทยพำนักถาวรและชั่วคราวรวมประมาณ 250–300 คน โดยมีแรงงานไทยในระบบอยู่ราว 39 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเตหะรานและเมืองอิสฟาฮาน ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานแรงงานไทยได้รับผลกระทบหรืออยู่ในจุดอันตราย
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า เพื่อรองรับสถานการณ์และปกป้องความปลอดภัยของแรงงาน กระทรวงแรงงานได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มข้น โดยในอิสราเอล ได้ประสานงานกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของอิสราเอล (PIBA) พร้อมจัดตั้ง “หน่วยเฉพาะกิจ 16 จุด” ทั่วประเทศเพื่อรับแจ้งปัญหาและให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า รวมถึงขอความร่วมมือจากนายจ้างในการจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) และวางแผนอพยพฉุกเฉินหากสถานการณ์รุนแรง นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังได้ประกาศให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานแบบ Work from Home ใกล้ที่หลบภัย และเปิดสายด่วนหมายเลข 1506 เพื่อให้ญาติแรงงานไทยสามารถติดต่อสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในส่วนของอิหร่าน กระทรวงแรงงานได้ส่งคำเตือนอย่างเป็นทางการไปยังแรงงานไทย พร้อมประสานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี และเปิดช่องทางสื่อสารผ่าน LINE, WhatsApp และ Facebook เพื่อให้แรงงานสามารถรายงานตัวรายบุคคลได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังได้จัดทำแผนปฏิบัติการเชิงรุกในกรณีฉุกเฉิน ประกอบด้วยการตรวจสอบพิกัดของแรงงานทุกคน การประเมินพื้นที่เสี่ยงตามข้อมูลล่าสุดจากสถานเอกอัครราชทูต การจัดพื้นที่ปลอดภัยร่วมกับนายจ้าง การฝึกอบรมแรงงานเพื่อเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์และเส้นทางหลบภัย การเปิดช่องทางประสานงานฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และการเตรียมแผนอพยพทั้งทางบกและทางอากาศ โดยเฉพาะเส้นทางรถยนต์เข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จอร์แดน และการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อรองรับการอพยพทางอากาศหากมีความจำเป็น
นายพิพัฒน์ยังเปิดเผยว่า ได้ประชุมหารือกับอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ณ กรุงเทลอาวีฟ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อประเมินสถานการณ์โดยตรง พร้อมยืนยันว่าแรงงานทุกคนปลอดภัยดี มีอาหาร น้ำดื่ม และได้รับการดูแลจากหน่วยงานรัฐในอิสราเอลเป็นอย่างดี โดยได้รับความร่วมมือด้านระบบสื่อสารและแผนรองรับเหตุฉุกเฉินอย่างใกล้ชิด
“ท่านนายกรัฐมนตรีได้ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องแรงงานทุกคน ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะไม่ละเลยต่อสถานการณ์ใด ๆ ที่กระทบต่อความปลอดภัยของคนไทยในต่างแดน กระทรวงแรงงานจะอยู่เคียงข้างและพร้อมให้ความช่วยเหลือทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน” นายพิพัฒน์ กล่าวในตอนท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน สถานทูตฯเตือนคนไทยได้ยินเสียงไซเรนรีบเข้าห้องนิรภัย
- อิสราเอลถล่มโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ทำผู้บัญชาการทหารเสียชีวิต!
- อิสราเอลโจมตีอิหร่าน! สายการบินแห่เปลี่ยนเส้นทาง - ปิดน่านฟ้าเพื่อความปลอดภัย