รีเซต

เปิดตำนาน "ภูพระบาท" มรดกโลก สะท้อนศรัทธาแห่ง "สีมา" ยุคทวารวดี

เปิดตำนาน "ภูพระบาท" มรดกโลก สะท้อนศรัทธาแห่ง "สีมา" ยุคทวารวดี
TNN ช่อง16
27 กรกฎาคม 2567 ( 17:51 )
22
เปิดตำนาน "ภูพระบาท" มรดกโลก สะท้อนศรัทธาแห่ง "สีมา" ยุคทวารวดี



ภูพระบาท มรดกโลก: อัญมณีแห่งอุดรธานี


อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 46 ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 นับเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมลำดับที่ 5 ของประเทศไทย และเป็นแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี สะท้อนถึงคุณค่าและความสำคัญของแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ในระดับสากล




วัฒนธรรมสีมา : รากเหง้าแห่งศรัทธาแห่งภูพระบาท


หนึ่งในคุณค่าโดดเด่นของภูพระบาทคือการเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 12-16) วัฒนธรรมสีมาเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในการใช้หลักหิน (หรือที่เรียกว่าใบเสมา) ปักเพื่อกำหนดขอบเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ใบเสมาหินจำนวนมากที่พบในพื้นที่ภูพระบาทแสดงถึงวิวัฒนาการของรูปแบบและศิลปกรรมที่หลากหลาย สะท้อนถึงความเชื่อและพิธีกรรมในการกำหนดพื้นที่อุโบสถที่มีใบเสมาล้อมรอบ ซึ่งยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน




ภาพเขียนสีและเพิงหิน : เรื่องเล่าจากอดีตของภูพระบาท


ภูพระบาทยังมีความสำคัญในฐานะแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ ภาพเขียนสีอายุกว่า 3,000 ปีที่พบตามเพิงหินต่างๆ เป็นหลักฐานสำคัญที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิต ความเชื่อ และพิธีกรรมของผู้คนในอดีต การศึกษาภาพเขียนเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในภูมิภาคนี้ได้ดียิ่งขึ้น



ตำนานรักนางอุษาและท้าวบารส : ความโรแมนติกที่ภูพระบาท


ตำนานความรักระหว่างนางอุษาและท้าวบารสเป็นเรื่องเล่าที่ผูกพันกับภูมิประเทศอันงดงามของภูพระบาทมาอย่างยาวนาน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ "หอนางอุสา" โขดหินธรรมชาติรูปทรงคล้ายดอกเห็ดหรือหอคอยขนาดเล็ก ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนลานหินกว้างภายในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตำนานเล่าว่า นางอุษาธิดากษัตริย์แห่งเมืองภูพระบาทถูกกักขังอยู่ในหอนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พบรักกับชายใด แต่ด้วยพลังแห่งความรัก ท้าวบารสเจ้าชายจากเมืองไกลได้เสี่ยงภัยเดินทางมาพบนางและทั้งสองได้ลักลอบพบกัน ณ หอนางอุสาแห่งนี้ ความงดงามของภูมิทัศน์ธรรมชาติ ประกอบกับรูปทรงแปลกตาของโขดหินต่างๆ ในบริเวณภูพระบาท ได้กลายเป็นฉากหลังอันวิจิตรของเรื่องราวความรักอันเป็นอมตะนี้


ตำนานความรักของนางอุษาและท้าวบารสไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเล่าที่สร้างสีสันให้กับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของภูพระบาท แต่ยังได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัยหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ระบำนาฏดุริยะแห่งภูพระบาท" ซึ่งเป็นการแสดงที่ผสมผสานศิลปะการฟ้อนรำแบบไทยเข้ากับดนตรีและการเล่าเรื่องที่อิงจากตำนานความรักนี้ การแสดงดังกล่าวไม่เพียงสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม แต่ยังเป็นวิธีการอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมของภูพระบาทผ่านศิลปะการแสดงอีกด้วย 


นอกจากนี้ ตำนานดังกล่าวยังได้รับการถ่ายทอดผ่านงานวรรณกรรม จิตรกรรม และสื่อสมัยใหม่อื่นๆ ซึ่งช่วยให้เรื่องราวของภูพระบาทและความสำคัญทางวัฒนธรรมของพื้นที่นี้แพร่หลายสู่สาธารณชนในวงกว้าง ส่งผลให้เกิดความสนใจและความตระหนักในคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งนี้มากยิ่งขึ้น



ภูพระบาท: เส้นทางสู่การเป็นมรดกโลก


เส้นทางสู่การเป็นมรดกโลกของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นกระบวนการที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความท้าทาย เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2547 เมื่อประเทศไทยเสนอชื่อภูพระบาทเข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ขององค์การยูเนสโก อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกนี้ การดำเนินการประสบอุปสรรคและถูกถอนรายชื่อออกไป เนื่องจากข้อมูลและหลักฐานทางวิชาการยังไม่เพียงพอที่จะแสดงถึงคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของแหล่งมรดก


ต่อมาในปี พ.ศ. 2559 ได้มีการริเริ่มกระบวนการเสนอชื่อภูพระบาทอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านมากขึ้น มีการศึกษาวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ โบราณคดี และคุณค่าทางวัฒนธรรมของพื้นที่ รวมถึงการจัดทำแผนการจัดการพื้นที่อย่างยั่งยืน การดำเนินการครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ และชุมชนท้องถิ่น โดยมีกรมศิลปากรเป็นแกนนำสำคัญ ผลจากความพยายามอย่างต่อเนื่องและการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ทำให้ในที่สุดภูพระบาทได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในวันที่ 27 กรกฎาคม 2567 นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทย



การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ภูพระบาท : เยี่ยมชมอย่างยั่งยืน


การเป็นมรดกโลกเปิดโอกาสให้ภูพระบาทพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญ แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว และการจัดกิจกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อแหล่งโบราณคดีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง







ภูพระบาท: แหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต


ภูพระบาท ไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับทุกเพศทุกวัย การจัดกิจกรรมการศึกษาและโครงการที่ส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติของภูพระบาท จะช่วยปลูกฝังความรักและหวงแหนในมรดกทางวัฒนธรรมให้กับคนรุ่นใหม่


การขึ้นทะเบียนภูพระบาทเป็นมรดกโลกไม่เพียงสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย แต่ยังเป็นโอกาสและความท้าทายในการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งโบราณคดีอันทรงคุณค่านี้ให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยและมนุษยชาติสืบไป



ภาพ :  อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท / เอกสารกรมศิลปากร 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง