"ทรัมป์" จ่อเก็บภาษี 50% กาแฟบราซิล-จ่อราคาพุ่ง

cnbc รายงานว่า แผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากบราซิลในอัตราสูงถึงร้อยละ 50 กำลังกลายเป็นข่าวร้ายสำหรับคอกาแฟทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบราซิลถือเป็นแหล่งนำเข้ากาแฟเมล็ดเขียวรายใหญ่ที่สุดของประเทศ คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของอุปทานรวม ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ
สหรัฐอเมริกา ซึ่งบริโภคกาแฟมากที่สุดในโลก จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้า เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกกาแฟมีอยู่เพียงในฮาวายและเปอร์โตริโกเท่านั้น โดยในปีที่ผ่านมา การประเมินของ Mintel ระบุ ตลาดกาแฟของสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงถึง 19.75 พันล้านดอลลาร์
การเก็บภาษีในระดับสูงเช่นนี้อาจซ้ำเติมราคากาแฟที่สูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะภัยแล้งและน้ำแข็งที่กระทบผลผลิตในประเทศผู้ส่งออกหลักอย่างบราซิล จนทำให้ราคากาแฟในตลาดล่วงหน้าทำสถิติสูงสุดเมื่อต้นปีนี้ แม้จะลดลงบ้างแต่ยังอยู่ในระดับสูง
ขณะนี้ยังคงมีเวลาสำหรับบราซิลในการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีดังกล่าว ก่อนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม ทั้งนี้กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ อยู่ระหว่างพิจารณาให้สินค้านำเข้าที่ไม่สามารถผลิตในประเทศ เช่น กาแฟ ได้รับการยกเว้นภาษี
ด้านผู้บริโภค แม้ Starbucks ซึ่งนำเข้ากาแฟจากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก อาจสามารถดูดซับต้นทุนส่วนเพิ่มได้บ้าง เนื่องจากความหลากหลายของซัพพลายเชนและเมนู
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ประเมินว่าต้นทุนสินค้าขายในอเมริกาเหนือของ Starbucks อาจเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 หากประมาณว่ากาแฟร้อยละ 22 มาจากบราซิล ขณะที่เครื่องดื่มบรรจุขวดภายใต้การผลิตของเนสท์เล่ อาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5
ในภาพรวม ภาษีนำเข้าที่สูงถึงร้อยละ 50 สำหรับสินค้าที่ไม่มีแหล่งผลิตในประเทศ ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาต้นทุนวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งแม้ผู้ผลิตพยายามหาทางบรรเทาผลกระทบผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพหรือเปลี่ยนแหล่งนำเข้า แต่ก็อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงการขึ้นราคาสินค้าได้ในท้ายที่สุด
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ผู้บริโภคอาจต้องเตรียมรับมือกับราคากาแฟที่ขยับสูงขึ้นอีกระลอก ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้าและแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงในหลายประเทศทั่วโลก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
