SJWDยานยนต์อีวีหนุนQ1 ลุ้นดีลใหญ่ต่อยอดแกร่ง
#SJWD #ทันหุ้น - SJWD ส่องอุตสาหกรรมยานยนต์ หนุนผลงานไตรมาส 1/2566 ดีกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ด้านธุรกิจคลังสินค้า-ห้องเย็น อัตราเช่าพื้นที่แน่นหนา เตรียมเคาะแผนชงผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้1.2 หมื่นล้านบาท รองรับดีล M&A ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 ไม่น้อยกว่า 2 ดีลในครึ่งปีหลัง วางเป้ารายได้โต 12%
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2566 ว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และมองว่าจะดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า หลักๆ เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ที่มีการเร่งส่งมอบตั้งแต่ปลายปี 2565 เป็นต้นมา ยังเข้ามาช่วยผลักดันรายได้
ลูกค้าจองคลังแน่น
ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น (Cold Storage) ในปีก่อนบริษัทได้มีการขยายพื้นที่ให้บริการใหม่เพิ่มอีก 4 ไซต์ ส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้นและมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดย Cold Storage ที่ได้ร่วมทุนกับทาง Pacific TUM เริ่มให้บริการเพียงแค่ 2 เดือนกว่าๆ มีอัตราการเช่าพื้นที่แล้วราว 40% และคาดว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุน (Breakeven) ได้ในไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป ส่วน Cold Storage Warehouse ขนาด 8,000 ตารางเมตร ที่สระบุรี ที่เริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายน 2565ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 84%
ด้านธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า (Self-Storage) ปัจจุบันอยู่ระหว่างวางแผนขยายการลงทุนร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ที่เป็นพาร์ตเนอร์ และ Fuze Post (ฟิ้วซ์ โพสต์) เพิ่มเติม เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจและกระแสตอบรับจากลูกค้าที่ค่อนข้างดีมาก โดยขณะนี้มีสาขาเปิดให้บริการแล้วกว่า 10-11 แห่ง มีอัตราการใช้พื้นที่รวมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60% ซึ่งในปี 2566 มีโอกาสที่จะเห็นการขยายการลงทุนโดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวในย่านสำคัญในจังหวัดต่างๆ เพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจคลังสินค้าทั่วไป ปัจจุบันคลังสินค้าทั่วไปภายในพื้นที่เขตปลอดอาการท่าเรือแหลมฉบังมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม สำหรับโครงการ Alpha ในปี 2565ได้มีการพัฒนาโครงการแรกที บางนา กม.22 ขนาดพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร คาดเริ่มให้บริการในเดือนมีนาคม 2566ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนโครงการ Alpha เพิ่มเติมอีก 3 แห่ง ได้แก่ บางนา กม.19, รังสิต และแหลมฉบังเพิ่มเติม ซึ่งมีพื้นที่รวมมากกว่า 200,000 ตารางเมตร ปัจจุบันบางโครงการได้มีการเริ่มต้นพัฒนาไปบ้างแล้ว มองว่าจะเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการและรับรู้รายได้เพิ่มในปีนี้
จ่อออกบอนด์
สำหรับเงินลงทุนแบบ Organic ของทั้งฝั่ง JWD และ SCGL อยู่ที่ประมาณฝั่งละ 1,000 ล้านบาท รองรับการดำเนินธุรกิจและขยายศักยภาพในการให้บริการเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการขออนุมัติวงเงินเพิ่มจากการออกบอนด์ วงเงิน 12,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนสำรองรองรับการลงทุนโดยเฉพาะการควบรวมกิจการ (M&A) ที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี การออกบอนด์ข้างต้นนั้นมองว่าจะเป็นการทยอยออกตามระดับของความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา
ทั้งนี้ในปี 2566บริษัทคาดว่าอาจมีการพิจารณาการลงทุน M&A เพิ่มเติม ซึ่งก็มีโอกาสที่จะได้เห็นในปีนี้อย่างน้อย 1-2 ดีล มีทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ ในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4/2566 คาดเป็นมูลค่าลงทุนรวมๆ 5,000-6,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเข้าไปร่วมทุนกับทางพันธมิตรท้องถิ่น "Royal Carco" ที่มีศักยภาพในประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเข้ามาช่วยสร้างฐานที่แข็งแกร่งให้กับการไปขยายตลาดใหม่ หลังจากที่มีการเข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชา และไต้หวันแล้วในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามจากการรวมกิจการกับบริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SCGL) จะยกระดับบริษัทเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เพิ่มโอกาสขยายการลงทุนจากการมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อรับโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยมีเป้าหมายภายในปี 2570 จะมีขนาดมาร์เก็ตแคปแตะที่ระดับกว่า 100,000ล้านบาท และมีการเติบโตของรายได้รวมใน 5 ปีนับจากนี้เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 12% ต่อปี