EPผลงานปี67เทิร์นอะราวน์ บุ๊กวินด์ก้อนโตขายไฟโซลาร์
#EP#ทันหุ้น - EP ลั่นปี 2567 ผลงานพลิกเป็นบวก อานิสงส์รับทรัพย์พลังงานลมเต็มพิกัด แถมเร่ง COD โครงการวินด์ในเวียดนามให้ครบ 160 เมกะวัตต์ในต้นปีหน้า พร้อมสยายปีกรุกโมเดลขายไฟโซลาร์แบบ Private PPA อัพฐานโกยเงินเพิ่มระยะยาว
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปี 2567 ผลประกอบการจะสามารถพลิกกลับมาเป็นบวก เมื่อเทียบกับปี 2565 (หลังงวด 9 เดือนแรกปีนี้ตัวเลขติดลบ) เนื่องจากบริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าในส่วนของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม (วินด์) เข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ธุรกิจมีรายได้เติบโตอย่างชัดเจน นอกเหนือจากธุรกิจอื่นๆ ที่ดีต่อเนื่อง
ปี67โตก้าวกระโดด
ส่วนในแง่รายได้ทั้งปี 2567 ทาง EP ประมาณการรายได้ไว้ประมาณ 1.9-2 พันล้านบาท เพราะจะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก ผลจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ในประเทศเวียดนาม ประกอบกับยังมีธุรกิจโรงพิมพ์ที่ยังสามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอเข้ามาเสริม
อย่างไรก็ดี ในปี 2566 บริษัทคาดรายได้รวมไว้ประมาณ 900-1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์อยู่ที่ราว 700-800 ล้านบาท, กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าอยู่ที่ราว 200 ล้านบาท
นายยุทธ กล่าวเสริมว่า ในแง่โครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 160 เมกะวัตต์ คาดจะมีการเปิดผลิตและขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้บางส่วนในปี 2566 และที่เหลือทยอยต่อเนื่องไปจนถึงในไตรมาส 1/2567 จนครบและมีกำลังผลิตทั้งหมด 160 เมกะวัตต์
"ภาพธุรกิจปี คงกลับมาฟื้นตัวอย่างโดดเด่น เพราะการรับรู้รายได้จากพลังงานลมในเวียดนาม ทำให้กำลังผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นอย่างมาก และคงเป็นปีที่เริ่มรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าจากลมอย่างชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้นเราเองก็ยังเปิดกว้างและมองหาโอกาสในการเข้าไปลงทุนโครงการพลังงานต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคตอีกทางหนึ่ง"
สยายปีกรูฟท็อปเพิ่ม
นอกจากนี้ บริษัทมีแนวทางขยายฐานกำลังผลิตไฟฟ้าจากการติดตั้ง Solar Rooftop Solar farm และการขายไฟฟ้าให้เอกชน ในรูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างองค์กร (Private PPA) คิดเป็นกำลังผลิตราว 8 เมกะวัตต์ รวมทั้งอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการเติบโตอีกทางหนึ่ง
อนึ่ง ตามที่บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2564 ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี วงเงิน 750 ล้านบาท กำหนดอัตราผลตอบแทนไว้ที่ 5.25% ต่อปี ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 17 กันยายน 2566 บริษัทได้นำเงินสดจำนวน 760 ล้านบาท สำหรับชำระคืนหุ้นกู้พร้อมดอกเบี้ยชุดดังกล่าวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับการชำระคืนหุ้นกู้ดังกล่าวนั้นยังสะท้อนว่าปัจจุบันบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ได้ชำระคืนเงินหุ้นกู้รุ่น EP239A ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 17 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ตลอดจนยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 42566 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566โดยมีมติอนุมัติการรับความช่วยเหลือทางการเงินจากนายยุทธ ชินสุภัคกุล เป็นวงเงินจำนวนไม่เกิน 500 ล้านบาท เพื่อให้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งรายการรับความช่วยเหลือทางการเงินนี้เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการตลาดทุน ทจ. 21/2551 เรื่องหลักเกณฑ์การ ทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของ บริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546
*ทุนหมุนเวียน-จ่ายคืนหุ้นกู้
โดยผู้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน โดยนายยุทธ ชินสุภัคกุล เป็นประธานกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วนร้อยละ 14.08 (ผู้ให้กู้) และผู้รับความช่วยเหลือทางการเงิน คือบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ผู้กู้) ซึ่งบริษัทได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากนายยุทธ ชินสุภัคกุล เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ และเพื่อจ่ายคืนหุ้นกู้ของบริษัทที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 จำนวน750 ล้านบาท โดยใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท และจากการกู้ยืมนายยุทธ ชินสุภัคกุล
สำหรับหุ้นกู้ของบริษัทที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 2 ตุลาคม 2566 จำนวน770 ล้านบาท โดยใช้กระแสเงินจากการออกและเสนขายหุ้นกู้ชุดใหม่วันที่ 27 กันยายน 2566 จำนวน670.20 ล้านบาท และส่วนที่เหลือมาจากการกู้ยืมนายยุทธ ชินสุภัคกุล ทั้งนี้ บริษัทได้รับกรอบวงเงินกู้เงินไม่เกิน 500 ล้านบาท แบบไม่มีหลักประกัน มีกำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินต้นไม่เกิน 6 เดือน นับจากวันที่เบิกเงินกู้ บริษัทโดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.00 ต่อปี