รีเซต

SCC โบรกคาด Q3/68 ผลประกอบการขาดทุน ตามธุรกิจปิโตรเคมีอ่อนแอ

SCC โบรกคาด Q3/68 ผลประกอบการขาดทุน ตามธุรกิจปิโตรเคมีอ่อนแอ
ทันหุ้น
8 ตุลาคม 2568 ( 16:00 )
16

#SCC #ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/68 จะไม่สดใส ซึ่งประเมินจะขาดทุน 698 ล้านบาท มีปัจจัยกดดันจาก ธุรกิจปิโตรเคมีที่มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจาก Spread ผลิตภัณฑ์หลักทั้ง PE-Naphthaและ PP-Naphtha ปรับตัวลดลง อีกทั้งมีค่าใช้จ่าย One Time จากการกลับมา Start Up โรงงาน LSP ที่เวียดนาม ในเดือน ส.ค และการประเมิน NRV Loss ของสินค้าที่ผลิตจากโรงงาน LSP

ส่วนผลประกอบการธุรกิจ Packaging และซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง แม้คาดจะทำได้ดีกว่าปีก่อน รับอานิสงค์จากโครงการลดต้นทุนต่างๆ และการปรับราคาขายปูนซีเมนต์ในประเทศขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอชดเชยผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจปิโตรเคมี

ทั้งนี้สถานการณ์ Spread ธุรกิจปิโตรเคมีที่ปรับตัวลดลงรุนแรงในเดือน ก.ย จะทำให้โรงงานLSP ต้องหยุดการผลิตหลังใช้ Feed Stock หมดลงในเดือน ต.ค นี้ เช่นเดียวกันผู้ผลิตหลายรายที่ได้ประกาศหยุดเดินเครื่องไปแล้วก่อนหน้านี้ เพราะทนแบกขาดทุนไม่ไหว

ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส มองว่า การทำกำไรของโรงงาน LSP ยากกว่าโรงงานปิโตรเคมีในไทยมาก เพราะมีสัดส่วนสินค้ามูลค่าเพิ่มน้อยกว่า นอกจากนี้ราคาเม็ดพลาสติกในเวียดนามยังต่ำกว่าราคาขายในภูมิภาคอื่น 5% เพราะหลายประเทศที่มีอุปทานส่วนเกินจะส่งสินค้ามาขายในเวียดนาม LSP จึงจำเป็นต้องได้รับการปกป้องจากรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันเวียดนามเรียกเก็บภาษีนำเข้าอัตรา 2% ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าในช่วง 2 ปีข้างหน้า มีความเป็นไปได้ที่โรงงาน LSPอาจต้องเปิด-ปิด เป็นระยะ ตามสถานการณ์ Spread ในตลาด เพื่อเพิ่มทักษะการปฏิบัติงานให้กับพนักงาน ก่อนที่โครงการ Ethane Cracker จะแล้วเสร็จปลายปี 2570

กลยุทธ์การลงทุน มองว่าความเสี่ยงที่จะเห็นแรงทำกำไรระยะสั้นในช่วงประกาศงบ 3Q68 จากผลประกอบการที่ไม่สดใส หลังราคาหุ้น SCC ปรับขึ้นมาแล้ว33% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา บนความหวังเชิงบวกต่อแผนการพลิกฟื้นธุรกิจ คงน้ำหนักการลงทุน Underperform ประเมินราคาเหมาะสมวิธี DCF ที่210 บาท

ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า SCC ระยะสั้นจับตาแนวรับสำคัญ 220 บาท หากหลุดต่ำกว่าจะมีโอกาสไหลลงต่อหาแนวรับ 214-212 บาท เบื้องต้นคาดกำไรไตรมาส 3/68 อาจชะลอตัวลง โดยคาดว่าจะพลิกกลับมาเป็นขาดทุนสุทธิประมาณ 500-600 ล้านบาท จากธุรกิจส่วนใหญ่ที่เข้าสู่ low season และมี startup cost จากการเดินเครื่องโรงงาน LSP ในเวียดนาม ประกอบกับเงินปันผลรับลดลง QoQ พอสมควร เพราะฤดูกาลที่ได้รับเงินปันผลจะอยู่ในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 4

โดยให้ราคาเป้าหมายหุ้น SCC ปีนี้ยังคงไว้ที่ 220 บาท คาดหวังการทยอยฟื้นตัวในปีหน้าจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลง การปิดโรงงานเคมีในภูมิภาคต่างๆที่ยังมีต่อเนื่อง (oversupply ลดลง) อย่างไรก็ตาม EBITDA ปีนี้น่าจะทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน และฐานะทางการเงินยังมั่นคง

ราคาหุ้น SCC ช่วงบ่ายเคลื่อนไหวอยู่ที่ 218 บาท ลบ 5.00 บาท หรือ 2.24% มีมูลค่าการซื้อขาย 917.27 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง