รีเซต

ส่งออก “รถอีวี” ความหวังฟื้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

ส่งออก “รถอีวี” ความหวังฟื้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
TNN ช่อง16
2 กันยายน 2568 ( 20:07 )
17

การส่งออกรถยนต์ที่รายงานโดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) พบว่า “การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ในเดือนกรกฏาคม ส่งออกได้ 72,439 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 13” จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งใช้น้ำมันบางรุ่นเพราะจะเปลี่ยนรุ่นรถ มีข่าวดีว่า “รถยนต์นั่งและรถกระบะไฟฟ้า(อีวี) ยังส่งออกได้อีกในเดือนนี้ 167 คัน” โดยปีนี้ถือเป็นปีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้า 

การส่งออกรถอีวี เป็นความร่วมมือของรัฐบาลและเอกชนร่วมมือ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ใช้น้ำมันและรถอีวี 

แต่ถ้าดูในภาพรวมการส่งออกรถยนต์ที่ยังลดลง เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและการเข้มงวดในเรื่องการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยขับเพื่อความปลอดภัยในรถยนต์ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของรถยนต์ของประเทศคู่ค้า ทำให้การส่งออกรถยนต์ลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลียและโอเชียเนีย และอเมริกาเหนือ 

ตัวเลขส่งออกรถยนต์ช่วง 7 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568  มีจำนวน  531,796 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 12  แต่ในกลุ่มรถอีวี สามารถส่งออกรวมได้ 902 คัน แบ่งเป็นรถกระบะอีวี  47 คัน รถยนต์นั่ง BEV 120 คัน

 ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. รายงานถึงสถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้า(รถอีวี) ของไทย ว่า ยอดการผลิตรถอีวีในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค. 2568) มีการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้า 100% (BEV) จำนวน 27,500 คัน เพิ่มขึ้น 398% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า

ขณะที่ยอดขาย 7 เดือนแรกอยู่ที่ 351,796 คัน ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.74 

ส่วนจดทะเบียนใหม่สะสม 7 เดือนมีจำนวน   81,179 คัน เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ร้อยละ 35 

ส่วนยอดจดทะเบียนสะสมของรถอีวี เป็น ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 พบว่ามีจำนวน 307,428 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 61 

พาไปดูการผลิตรถยนต์ในภาพรวม พบว่า สถานการณ์ยังไม่ดี เดือนกรกฎาคม 2568 มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งหมดรวม 110,616 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 กว่าร้อยละ 15  และลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.39 

การผลิตรถยนต์ลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันซึ่งลดลงถึงร้อยละ 31.8 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกบางรุ่น

ส่วนรถกระบะเคยเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนของไทย ก็ยังผลิตลดลง ทั้งการผลิตขายในประเทศและผลิตส่งออก  เป็นผลจากยอดขายรถกระบะลดลงต่อเนื่องกว่า 30 เดือน เหลือแค่ 11,022 คัน ลดลงร้อยละ 16.3 เมื่อเทียบปีก่อนหน้า และถ้าเทียบปี 2562 ก่อนโควิด-19 รถกระบะขายในประเทศเฉลี่ยเดือนละ 35,973 คัน  เท่ากับว่าหายไปกว่า 2 ใน 3  โดยกระบะในไทยเคยมียอดขายในสัดส่วนร้อยละ 35.70 ของยอดขายรวมกว่า 1 ล้านคันในปีดังกล่าว 

ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมายอดขายรถยนต์ภายในประเทศในภาพรวมอยู่ที่ 49,102 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ที่ร้อยละ 1.95 แต่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 5.84 โดยการผลิตเทียบรายปียังเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 เดือน เพราะยอดขายรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถอีวีมียอดขายดีขึ้น เพราะมีการปรับลดราคาทำให้เข้าถึงได้มากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน 

ยอดขายรถยนต์ในประเทศ ยอดส่งออกรถยนต์ในภาพรวม ที่ยังไม่ค่อยฟื้นตัว คงฝากความหวังไว้กับรถอีวีที่เริ่มส่งออกในปีนี้ ว่าจะมามีส่วนช่วยพลิกฟื้นอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย

ก่อนหน้า เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย (GWM Thailand) รายงานว่า  ได้เริ่มส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าลอตแรก คือ ORA Good Cat ที่ผลิตจากโรงงานผลิตรถยนต์ GWM ที่ จ.ระยอง โดยส่งออกไปบราซิลตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 1,000 คัน

โรงงานผลิตรถยนต์ของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่จ.ระยอง มีกำลังผลิต 80,000 คันต่อปี โดยโรงงานนี้ถือเป็นโรงงานการผลิตเต็มรูปแบบแห่งที่ 2 นอกประเทศจีน ถัดจากประเทศรัสเซีย โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์ มีเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปทั่วโลก ทั้ง ภูมิภาคอาเซียน ทั้ง มาเลเซีย, อินโดนีเซีย เวียดนาม รวมถึงบราซิล ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์  

ส่วนยอดขายในไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ รายงานว่า ในช่วง 7 เดือนแรกอยู่ที่ 8,804 คัน เติบโตจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 96 นอกจากเน้นการขายและส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในโรงงานไทยแล้ว วอลล์ มอเตอร์ ยังมีแผนนำเข้ารถยนต์มาทำตลาดในไทย เช่น รถตู้ระดับพรีเมี่ยม WEY 80 Hi-4 (เว่ย 80 ไฮ-โฟร์)  ที่เตรียมนำเข้ามาจากมาเลเซีย โดยรถตู้ดังกล่าวเป็นปลั๊ก-อินไฮบริด ก่อนหน้านี้มีการเปิดตัวในจีน ราคา 335,800 – 405,800 หยวน (ประมาณ 1.5 – 1.7 ล้านบาท) แต่ราคาขายในไทยยังไม่กำหนดอย่างเป็นทางการ คาดการณ์ว่าอาจมีราคาสูงกว่า 2.5 ล้านบาท ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์ในไทยยังมีโอกาสใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในการทำตลาด

นอกเหนือจาการส่งออกของเกรท วอลล์ มอเตอร์ “ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (25 ส.ค.) บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศ ไทย) ได้ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin จากโรงงานผลิต จ.ระยอง ไปจำหน่ายยังทวีปยุโรป ทั้งเยอรมนี เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ รวมถึงสหราชอาณาจักร เป็นครั้งแรกจำนวน 959 คัน”

หยู่ปิน เคอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย)  ระบุถึงการส่งออกดังกล่าวว่า เป็นการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ว่า โรงงานในไทยจะผลิต เพ่อจำหน่ายในประเทศ และเพื่อการส่งออก ปีนี้เป้าส่งออกรถอีวีจากไทยกว่า 10,000 คัน และคาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยมีแผนจะพัฒนารุ่นรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เพิ่มเติมเพื่อส่งออกไปยุโรป ตลาดอาเซียน และออสเตรเลีย 

สำหรับ โรงงาน บีวายดี ประเทศไทย เป็นโรงงานแห่งแรกของ บีวายดี ที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีน ครอบคลุมพื้นที่ 600 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง มีกำลังการผลิตสูงสุด 150,000 คันต่อปี 

 ปัจจุบันมีการผลิตรถยนต์จากโรงงานในไทย ด้วยกัน 4 รุ่น ประกอบด้วย บีวายดี ดอลฟิน (BYD DOLPHIN), บีวายดี แอตโต้ 3 (BYD ATTO3) และ บีวายดี ซีไลออน 6 ดีเอ็ม-ไอ (BYD SEALION 6 DM-i) // ซึ่งมีสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนจากภายในประเทศไทย ประมาณ ร้อยละ 45-50 โดยขณะนี้ได้รับใบรับรอง เมด อิน ไทยแลนด์แล้ว 

“อีกบริษัทที่น่าจับตามอง คือ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด” แม้ยังไม่การส่งออกรถอีวีเหมือนค่ายอื่นๆ ในช่วงเวลานี้ แต่ผู้บริหารเอ็มจี พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันว่าจะส่งออกในเร็วๆ นี้   ตรงนี้อ้างอิงจากที่คุณพงษ์ศักดิ์ให้สัมภาษณ์กับประชาชาติธุรกิจว่า ในปี 2569 จะสามารถเดินหน้าผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าจากไทยไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศได้ โดยในปีนี้ยังไม่สามารถส่งออกได้เพราะติดขัดปัญหาการใช้โลคอลคอนเทนต์ที่ยังไม่ถึง ร้อยละ 40

ก่อนหน้านี้ผู้บริหารเอ็มจี ระบุว่า มีแผนใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตและส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนและมีแผนจะขยายการส่งออกไปยังยุโรปด้วย โดยเอ็มจีทุ่มงบลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท  เพื่อลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) จังหวัดชลบุรี ซึ่ง โรงงาน MG ในไทยเป็นโรงงานผลิตรถยนต์แบบครบวงจร ทั้งโรงประกอบตัวถัง โรงพ่นสีรถยนต์ โรงประกอบรถ รวมถึง โรงประกอบแบตเตอรี่อีวี และมีพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วน เพื่อการประกอบรถยนต์เอ็มจีร่วมกับพาร์ตเนอร์บริษัท ตรงนี้ทำให้ MG สามารถผลิตและประกอบรถยนต์ได้ครบทุกรูปแบบ มีเป้าหมายขับเคลื่อนฐานการผลิตในไทย โดยมีกำลังสูงสุด 100,000 คันต่อปี

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง