วิกฤต "Starbucks" พนักงานส่อประท้วงครั้งใหญ่ทั่วสหรัฐ

สถานการณ์แรงงานในเครือร้านกาแฟระดับโลกอย่าง Starbucks กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังสหภาพแรงงานพนักงาน Starbucks Workers United ประกาศว่าจะเริ่มเปิดลงคะแนนเสียงพิจารณาอนุมัติหยุดงานประท้วงทั่วประเทศ เพื่อกดดันให้บริษัทกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาสัญญาจ้างที่ค้างคามายาวนาน การเจรจาระหว่างสตาร์บัคส์กับสหภาพแรงงานซึ่งเป็นตัวแทนของบาริสต้ากว่า 1.2 หมื่นคน เริ่มต้นเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ โดยสหภาพระบุว่าพนักงานในราว 60 เมืองทั่วสหรัฐฯ เริ่มจัดการชุมนุมเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องให้บริษัทปรับปรุงเงื่อนไขด้านการจ้างงาน ทั้งด้านการจัดกำลังคน ค่าจ้าง และความปลอดภัยระหว่างปฏิบัติงาน
ขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้ถือหุ้นบางรายของบริษัท รวมถึงสำนักงานผู้ควบคุมการเงินนครนิวยอร์ก ได้ส่งจดหมายถึงผู้บริหาร Starbucks เรียกร้องให้บริษัทกลับมาหารือกับตัวแทนแรงงานโดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ด้านผู้บริหารของ Starbucks ยืนยันว่าบริษัทพร้อมกลับมาเจรจา หากสหภาพแรงงานมีความตั้งใจจริงที่จะหารือโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน โดยย้ำว่าบริษัทมีสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่าธุรกิจค้าปลีกส่วนใหญ่ในตลาด
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสหภาพแรงงานชี้ว่าข้อเสนอของบริษัทที่ผ่านมาไม่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะประเด็นค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการ เช่น ประกันสุขภาพ หรือการปรับขึ้นค่าจ้างในทันที ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเพิกเฉยต่อปัญหาความเป็นอยู่ของพนักงานระดับร้านสาขา
การลงคะแนนเสียงครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของปี เนื่องจากเป็นช่วงใกล้ฤดูกาลเทศกาลปลายปีที่มียอดขายสูงสุดของธุรกิจเครื่องดื่ม ขณะที่ผู้บริหารใหญ่ ไบรอัน นิคโคล พยายามพลิกฟื้นยอดขายด้วยการลงทุนปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ
ที่ผ่านมา Starbucks ปิดร้านสาขาที่ไม่ทำกำไร รวมถึงสาขาในเมืองซีแอตเทิลซึ่งเป็นหนึ่งในร้านที่มีการรวมตัวเป็นสหภาพแรงงาน พร้อมปรับลดพนักงานระดับสำนักงานใหญ่ เพื่อควบคุมต้นทุนและเร่งฟื้นผลประกอบการ
ปัจจุบัน Starbucks มีร้านที่จัดตั้งสหภาพแรงงานแล้วประมาณ 550 สาขา ทั่วสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อปีที่ผ่านมา เคยมีการหยุดงานประท้วงยาว 5 วันในช่วงเทศกาล ส่งผลให้ร้านหลายแห่งในลอสแอนเจลิส ชิคาโก และซีแอตเทิล ต้องปิดให้บริการชั่วคราว แม้บริษัทจะระบุว่าไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินงานโดยรวม
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้แทนสหภาพได้ลงมติปฏิเสธข้อเสนอจากบริษัทที่เสนอปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีขั้นต่ำร้อยละ 2 โดยให้เหตุผลว่าไม่ครอบคลุมถึงการเพิ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือโบนัสพิเศษระยะสั้น
ตามข้อมูลของบริษัท พนักงานรายชั่วโมงของ Starbucks ในสหรัฐฯ มีรายได้เฉลี่ยราว 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง พร้อมสิทธิประโยชน์ด้านทุนการศึกษาและประกันสุขภาพที่บริษัทออกค่าใช้จ่ายล่วงหน้าให้ แต่แรงงานบางส่วนยังคงมองว่าค่าตอบแทนไม่สอดคล้องกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น
การลงคะแนนเสียงครั้งนี้จึงถูกจับตามองว่าอาจนำไปสู่การหยุดงานขนาดใหญ่ในเครือ Starbucks อีกครั้งในช่วงเทศกาลวันหยุด ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อแผนฟื้นฟูยอดขายและชื่อเสียงของแบรนด์กาแฟระดับโลกที่ครั้งหนึ่งเคยถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งงานบริการคุณภาพ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
