Apple ยังเงียบ ! สภาฯ สหรัฐฯ กังวลดีล AI กับ Alibaba

รัฐสภาสหรัฐ กำลังจับตาดีลแอปเปิล (Apple) และอาลีบาบา (Alibaba) จากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและความโปร่งใส
ข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นระหว่าง แอปเปิล (Apple) และ อาลีบาบา (Alibaba) เพื่อนำฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ AI ที่ขับเคลื่อนโดย อาลีบาบา (Alibaba) มาสู่ไอโฟน (iPhone) ที่วางจำหน่ายในประเทศจีน กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่สร้างความกังวลอย่างมากในหมู่สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินอยู่ระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งก็คือจีนและสหรัฐอเมริกา
ตามรายงานของสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ (The New York Times) เผยว่า ทั้งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) และเจ้าหน้าที่จากรัฐสภา ได้เริ่มการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งาน iPhone ในจีนสามารถเข้าถึงความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ AI ที่พัฒนาโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากจีนอย่าง อาลีบาบา (Alibaba) ได้
อีกทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทำเนียบขาวและสมาชิกของคณะกรรมการคัดเลือกประจำสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยจีน ได้สอบถามผู้บริหารของ แอปเปิล (Apple) โดยตรงเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อตกลงนี้ โดยคำถามสำคัญมุ่งเน้นไปที่ประเด็นการแบ่งปันข้อมูลกับ อาลีบาบา (Alibaba) และข้อผูกมัดต่าง ๆ ที่ แอปเปิล (Apple) มีต่อหน่วยงานกำกับดูแลของจีน ซึ่งจากรายงานของสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ (The New York Times) รายงานว่าผู้บริหารของ แอปเปิล (Apple) ไม่สามารถตอบคำถามส่วนใหญ่ได้อย่างชัดเจน
ความกังวลยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
ต่อมาเมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ราจา กฤษณะมูรติ (Raja Krishnamoorthi) จากพรรคเดโมแครต (Democrat) ผู้มีตำแหน่งสูงสุดในคณะกรรมาธิการถาวรพิเศษด้านข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกแถลงการณ์ที่เปรียบเปรย อาลีบาบา (Alibaba) ว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของยุทธศาสตร์การหลอมรวมทางทหารและพลเรือนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรู้สึกเป็นกังวลใจอย่างมากที่ แอปเปิล (Apple) ไม่สามารถให้ความโปร่งใสเกี่ยวกับข้อตกลงของตนได้
สิ่งนี้นี้ตอกย้ำความกังวลที่ฝังรากลึกในวอชิงตันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทเทคโนโลยีจีนกับรัฐบาลจีน และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับความมั่นคงของข้อมูลและเทคโนโลยี และเป็นที่น่าสังเกตว่า ข้อตกลงนี้ได้รับการยืนยันต่อสาธารณะโดย อาลีบาบา (Alibaba) เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นหรือไม่ ขณะที่ แอปเปิล (Apple) ยังคงไม่ได้ให้ข้อมูลใด ๆ ต่อสาธารณะ ซึ่งยิ่งตอกย้ำความคลุมเครือที่เพิ่มความสงสัยให้กับฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐ
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทต่างๆ ต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองและข้อกำหนดด้านความมั่นคงของชาติจากทั้งสองฝ่าย การจับตาดูอย่างใกล้ชิดจากรัฐสภาสหรัฐ ต่อข้อตกลงแอปเปิล (Apple) และอาลีบาบา (Alibaba)
สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มของการที่รัฐบาลได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการควบคุมความร่วมมือทางเทคโนโลยีข้ามพรมแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีประเด็นเรื่องข้อมูลและความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้อง อนาคตของความร่วมมือดังกล่าวจะยังคงเป็นหัวข้อที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป