รีเซต

BlackRock เดินเกมใหม่! เตรียมโทเค็นไนซ์กองทุน RWA บนบล็อกเชน

BlackRock เดินเกมใหม่! เตรียมโทเค็นไนซ์กองทุน RWA บนบล็อกเชน
ทันหุ้น
12 กันยายน 2568 ( 10:37 )
9

BlackRock เดินเกมใหม่! เตรียมโทเค็นไนซ์กองทุน RWA บนบล็อกเชน

BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้ในการนำกองทุน Exchange-Traded Funds (ETF) ขึ้นบนบล็อกเชน หรือที่เรียกว่า Tokenization ตามรายงานของ Bloomberg 

โครงการนี้อาจรวมถึงการโทเค็นไนซ์กองทุนที่ผูกกับ สินทรัพย์จริง (Real-World Assets: RWA) เช่น หุ้นและหลักทรัพย์ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่าการดำเนินการจะต้องอยู่ภายใต้ ข้อกำกับดูแลทางการเงินที่เข้มงวด

BlackRock กับกองทุนคริปโตที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

ปัจจุบัน BlackRock เสนอผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับคริปโตหลายประเภท โดยกองทุนที่โดดเด่นที่สุดคือ:

  • iShares Bitcoin Trust มียอดเงินไหลเข้าสะสมกว่า $55,000 ล้าน
  • iShares Ethereum Trust มียอดเงินไหลเข้ารวมกว่า $12,700 ล้าน

ทั้งสองกองทุนใช้เวลาไม่ถึง 1 ปีในการแตะระดับสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) กว่า $10,000 ล้าน ซึ่งถือเป็นสถิติที่มีเพียงสามกองทุนเท่านั้นในโลกที่ทำได้

นอกจากนี้ BlackRock ยังมี iShares Blockchain and Tech ETF ซึ่งลงทุนในหุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโตโดยตรง แม้ไม่ได้ถือครองโทเค็น

กระแส Tokenization บน Wall Street

กระแส Tokenization หรือการนำสินทรัพย์ดั้งเดิมขึ้นบนบล็อกเชน กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในหมู่สถาบันการเงิน:

  • Fidelity เพิ่งเปิดตัวเวอร์ชันบล็อกเชนของกองทุน Treasury Money Market Fund ผูกกับโทเค็น Fidelity Digital Interest Token
  • Nasdaq กำลังยื่นเรื่องขออนุมัติจาก SEC เพื่อนำหลักทรัพย์โทเค็นเข้าซื้อขายเคียงคู่กับหุ้นดั้งเดิม

BlackRock เองก็มีประสบการณ์โดยตรงกับการออกกองทุนบนเชน เช่น BlackRock USD Institutional Digital Liquidity Fund (BUIDL) ที่กลายเป็นกองทุนโทเค็นแรกที่แตะ $1 พันล้าน และปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า $2 พันล้าน

ตลาดยังเล็ก แต่มีศักยภาพ

แม้โทเค็นไนซ์หุ้นและ ETF จะยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยข้อมูลจาก RWA.xyz ชี้ว่ามีสินทรัพย์หมุนเวียนรวมไม่ถึง $500 ล้าน แต่บริษัทใหญ่อย่าง Robinhood และ Kraken เริ่มนำหุ้นยอดนิยมอย่าง Tesla (TSLA) และ Apple (APPL) มาอยู่บนเชนแล้ว

Larry Fink ซีอีโอของ BlackRock เคยกล่าวหลายครั้งว่า เขาเชื่อว่าในอนาคต สินทรัพย์ทางการเงินทั้งหมดจะถูกโทเค็นไนซ์ ปัจจุบัน BlackRock มี AUM ในสินทรัพย์คริปโตรวมกว่า $50,000 ล้าน ในไตรมาสแรกของปี 2025 และมีเงินไหลเข้าใหม่กว่า $3,000 ล้าน

มุมมองนักวิเคราะห์: ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ ETF ของ Bloomberg อย่าง Eric Balchunas มองว่ากระแสโทเค็นไนซ์อาจช่วยพัฒนาระบบหลังบ้าน (Back Office) ของการเงินดั้งเดิม (TradFi) แต่ไม่น่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมนักลงทุนรายย่อยอย่างมีนัยสำคัญ

เขาอธิบายว่า แม้โทเค็นจะทำให้คนบนเชนเข้าถึงกองทุนง่ายขึ้น แต่จำนวนผู้ใช้งานกลุ่มนี้ยังเป็นเพียงส่วนน้อยของเงินทุนโลก ดังนั้นผลกระทบอาจยังไม่ใหญ่ในระยะกลาง

การที่ BlackRock เข้าสู่การศึกษาและเตรียมโทเค็นไนซ์กองทุน ETF ผูกสินทรัพย์จริง ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของโลกการเงินที่กำลังเชื่อมต่อกับบล็อกเชน แม้ตลาดยังเล็ก แต่การมีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเปิดประตูสู่ การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับสถาบัน ได้มากขึ้น

อ้างอิง : theblock.co

ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/blackrock-tokenize-rwa-etf-blockchain

กระแสเงินไหลเข้า Spot ETH ETF พุ่ง $216 ล้าน แต่ราคา $5,000 ยังไม่แน่นอน

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา Ethereum (ETH) เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ $4,200 – $4,500หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาล (ATH) ที่ $4,956 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นักลงทุนและเทรดเดอร์กำลังจับตาดูว่าราคา ETH จะสามารถสร้างโมเมนตัมเชิงบวกได้หรือไม่ แม้ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

  สัญญาณจากตลาดอนุพันธ์และกองทุน ETF

  • ข้อมูลล่าสุดเผยว่า ฟิวเจอร์ส ETH มีการซื้อขายที่ พรีเมียม 5% เมื่อเทียบกับตลาดสปอต ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดของภาวะปกติ (5–10%) แสดงถึงความต้องการใช้เลเวอเรจที่ยังไม่มากพอ
  • แม้ ETH เคยทะลุ $4,800 เมื่อเดือนสิงหาคม แต่แรงซื้อก็ไม่ต่อเนื่อง สะท้อนว่าตลาดยังขาดความมั่นใจ
  • กองทุน Spot Ethereum ETF เคยเผชิญ กระแสเงินไหลออกต่อเนื่อง 10 วัน แต่ในวันอังคารและพุธที่ผ่านมา มีเงินไหลเข้ารวม $216 ล้าน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างกระแสกระทิงในวงกว้าง

ปัจจัยกดดัน: ค่าธรรมเนียมและกิจกรรมบนเครือข่าย

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนผิดหวังคือ ค่าธรรมเนียมบนเครือข่าย Ethereum ลดลง โดยในรอบ 30 วัน Ethereum ทำค่าธรรมเนียมได้เพียง $42 ล้าน ลดลง 7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

  • Tron ลดลง 12%
  • Solana ลดลง 2%

นอกจากนี้ จำนวน Active Addresses บนเลเยอร์หลักของ Ethereum ยังทรงตัว ขณะที่เลเยอร์ 2 อย่าง Base, Arbitrum และ Polygon มีกิจกรรมผู้ใช้งานลดลงชัดเจน

นักลงทุนสถาบันยังสะสม ETH ต่อเนื่อง

แม้กิจกรรมบนเครือข่ายจะชะลอตัว แต่สถาบันการเงินยังคงมอง Ethereum เป็นสินทรัพย์ระยะยาว

  • Bitmine Immersion Tech (BMNR) เพิ่งเพิ่มการถือครอง 202,500 ETH ในสัปดาห์เดียว คิดเป็นมูลค่ากว่า $880 ล้าน
  • ปัจจุบัน BMNR มีสินทรัพย์รวมกว่า $9.1 พันล้านดอลลาร์ใน Ethereum

เศรษฐกิจมหภาคกับเส้นทาง $5,000 ETH

การที่ S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่ ไม่ได้หมายความว่าภาพรวมเศรษฐกิจสดใสเสมอไป ความคาดหวังจริง ๆ คือ เฟด (Fed) อาจต้องลดดอกเบี้ย หลังตัวเลขคนว่างงานสหรัฐแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ตุลาคม 2021

ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มมีพฤติกรรมคล้ายทองคำ คือมีความน่าเชื่อถือด้านเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน ขณะที่คริปโตอย่าง Ethereum ยังถูกมองว่าเสี่ยงกว่า ดังนั้น เส้นทางสู่ราคา $5,000 ETHจึงขึ้นอยู่กับ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ลดลง และการฟื้นตัวของกิจกรรมบนเครือข่าย

แม้การไหลเข้า ETF มูลค่า $216 ล้าน และการสะสมของสถาบันจะเป็นสัญญาณบวก แต่ตลาด Ethereum ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากกิจกรรมบนเครือข่ายที่ชะลอตัว และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก นักลงทุนจึงต้องจับตาทั้ง ปัจจัยมหภาค และ พฤติกรรมผู้ใช้งานเครือข่าย ว่าจะช่วยหนุนราคา ETH ให้แตะเป้าหมาย $5,000 ได้หรือไม่ในปี 2025

อ้างอิง : cointelegraph.com

ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/ethereum-etf-inflows-216m-eth-5000-price-outlook

CleanCore Solutions กวาด DOGE กว่า 500 ล้านโทเค็น รับกระแส ETF ใกล้เปิดตัว

Nasdaq-listed CleanCore Solutions บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ได้สร้างความฮือฮาอีกครั้ง หลังประกาศซื้อ Dogecoin (DOGE) เพิ่มจนแตะระดับ 500 ล้านโทเค็น ภายในเวลาไม่ถึงสามวัน นับตั้งแต่การเข้าซื้อครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์การบริหารคลังสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท ที่ต้องการผลักดัน Dogecoin ให้เป็น “สินทรัพย์สำรองหลัก” และต่อยอดการใช้งานในหลายมิติ ทั้งด้าน การชำระเงิน (Payments), การโทเค็นไนซ์ (Tokenization), ผลิตภัณฑ์คล้ายการ Stake และการโอนเงินระหว่างประเทศ (Remittances)

กลยุทธ์ใหญ่: ถือครอง DOGE สูงสุด 5% ของซัพพลาย

CleanCore เริ่มต้นด้วยการซื้อ DOGE จำนวน 285.4 ล้านโทเค็น และตั้งเป้าซื้อให้ได้สูงสุด 1 พันล้านโทเค็นใน 30 วัน

  • ปัจจุบันบริษัทถือครองแล้วกว่า 500 ล้าน DOGE
  • ระยะยาว บริษัทตั้งเป้าจะถือครอง 5% ของอุปทานหมุนเวียน (Circulating Supply)ของ Dogecoin

Marco Margiotta ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ CleanCore และซีอีโอของ House of Doge กล่าวว่า การก้าวข้ามระดับ 500 ล้าน DOGE แสดงให้เห็นถึง “ความเร็วและขนาดของการดำเนินกลยุทธ์อย่างจริงจัง”

DOGE ที่ซื้อจะถูกเก็บไว้โดยสถาบันรับฝากทรัพย์สินดิจิทัล Bitstamp ภายใต้การกำกับของ Robinhood

หุ้น CleanCore ขยับรับข่าว

หลังประกาศซื้อ Dogecoin หุ้นของ CleanCore ปิดที่ $3.98 ต่อหุ้น ก่อนจะพุ่งขึ้นกว่า 14%ในการซื้อขายนอกเวลาตลาด (after-hours) แม้จะปรับฐานลงมาภายหลัง แต่ก็สะท้อนถึงความสนใจของนักลงทุนที่จับตาการเคลื่อนไหวครั้งนี้ โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าตลาด (Market Cap) ราว $55 ล้าน

ETF Dogecoin ตัวแรกจ่อเทรดบนวอลล์สตรีท

ความเคลื่อนไหวของ CleanCore เกิดขึ้นพร้อมกับกระแสข่าวการเปิดตัว กองทุน Spot Dogecoin ETF ตัวแรก ในสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะเป็น REX-Osprey DOGE ETF (DOJE) ที่จ่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีท

แม้ในตอนแรกคาดว่าจะเปิดตัวในสัปดาห์นี้ แต่ล่าสุดนักวิเคราะห์จาก Bloomberg ประเมินว่าจะเลื่อนไปเปิดตัวใน สัปดาห์หน้า

กองทุนดังกล่าวจะถือ สินทรัพย์ Dogecoin จริง (Spot DOGE) เป็นหลัก แต่ก็เปิดช่องให้ลงทุนใน Spot ETF อื่น ๆ รวมถึงใช้อนุพันธ์ (Derivatives) ได้ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในกลยุทธ์

การเข้าซื้อ Dogecoin อย่างต่อเนื่องของ CleanCore Solutions แสดงถึงความมั่นใจในศักยภาพของ DOGE ที่จะก้าวขึ้นมาเป็น สินทรัพย์สำรองดิจิทัล ในโลกการเงินใหม่ และด้วยแรงหนุนจาก Spot Dogecoin ETF ที่กำลังจะเปิดตัว ทำให้ตลาดกำลังจับตามองอนาคตของ DOGE ว่าจะสามารถก้าวขึ้นสู่การยอมรับในระดับสถาบันได้มากขึ้นเพียงใด

อ้างอิง : theblock.co

ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/cleancore-buys-500m-doge-dogecoin-etf-coming

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง