รีเซต

“วรภัค”จับตา BOT อาจเสนอใช้มาตรการภาษีซื้อขายทอง ลดแรงกดดันบาทแข็ง

“วรภัค”จับตา BOT อาจเสนอใช้มาตรการภาษีซื้อขายทอง ลดแรงกดดันบาทแข็ง
ทันหุ้น
12 กันยายน 2568 ( 11:26 )
12

#ทันหุ้น “วรภัค”โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว จับตา BOT อาจเสนอใช้มาตรการภาษีและระบบการซื้อขายทอง โดยอาจกำหนดให้การชำระทองเป็นดอลลาร์แทนเงินบาท เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทในช่วงวิกฤตทองแพง

นายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังออกมาโพสต์ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยตั้งคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เป็นเพราะคนไทยขายทองจริงหรือไม่ ซึ่งเขาได้อธิบายและยกตัวอย่างจากต่างประเทศว่า ช่วงที่ผ่านมา ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วจนแตะระดับต่ำกว่า 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ เศรษฐกิจไทยยังคงพึ่งพาการส่งออกและท่องเที่ยวเป็นหลัก ทำให้เงินบาทแข็งเกินพื้นฐานอาจกระทบต่อการแข่งขันของประเทศ

โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เป็นปัจจัยผลักดันให้เงินบาทแข็ง ก็คือ “การที่คนไทยแห่ขายทองคำ เมื่อราคาทองคำโลกปรับตัวสูงขึ้น”

เขาอธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมขายทองแล้วเงินบาทถึงแข็งค่าว่า มาลองดูแบบง่ายๆ คือ

 1. คนไทยถือทองคำอยู่ในมือ

 2. เมื่อราคาทองโลกสูงขึ้น เช่น ทะลุ $3,600 ต่อออนซ์

 3. นักลงทุนหรือร้านทองตัดสินใจ “ขายทอง” ออกไปยังตลาดโลก

 4. เงินที่ได้รับจากการขายทองคือ ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD)

 5. เมื่อจะนำเงินกลับมาใช้ในไทย ต้อง แปลง USD กลับเป็นเงินบาท (THB)

 6. ทำให้เกิด ความต้องการซื้อเงินบาทเพิ่มขึ้นมากในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

 7. เงินบาทจึง “แข็งค่า” อย่างรวดเร็วจากแรงขายทองรอบใหญ่

ดังนั้น ธปท. มองเรื่องนี้อย่างไร และอาจจะเสนออะไร ซึ่งเคยมีการรวบรวมข้อมูลและธปท เชื่อว่า การซื้อขายทองคำมีผลต่อค่าเงินบาท ซึ่งถ้าบาทยังแข็งอย่างต่อเนื่องเนื่องจากมีการขายทองคำออกไป ธปท อาจจะเสนอแนวทางให้ กระทรวงการคลังพิจารณาใช้กลไกภาษี เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมตลาด โดย

 • ซื้อขายทองคำด้วยเงินบาท (THB) ➡️ อาจถูกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ

 • ซื้อขายทองคำด้วยดอลลาร์ (USD) ➡️ ได้รับการยกเว้นภาษี

 • แนวทางนี้คือการ จูงใจให้คนซื้อขายทองโดยไม่กระทบต่อค่าเงินบาท

 • ลดแรงแปลงสกุลเงินที่จะทำให้บาทแข็งเกินพื้นฐาน

ทั้งนี้ ทั้งนั้น น่าจะไม่รวมธุรกรรม การซื้อขายทองคำรูปพรรณของลูกค้ารายย่อยทั่วๆไป

เขายกตัวอย่างจากต่างประเทศด้วยว่า หลายประเทศก็เคยเจอเรื่องคล้ายกัน และมีแนวทางป้องกันไม่ให้ค่าเงินตัวเองแข็งเกินไปจากการซื้อขายทอง เช่น

สวิตเซอร์แลนด์

 • ศูนย์กลางการกลั่นและส่งออกทองของโลก

 • เงินฟรังก์เคยแข็งเร็ว จนธนาคารกลางต้องแทรกแซงตั้ง “อัตราขั้นต่ำ” (currency floor) กับยูโร

 • พยายามไม่ให้กระแสเงินจากทองทำให้ค่าเงินแข็งเกินไป

ดูไบ (UAE)

 • เมืองทองคำของตะวันออกกลาง

 • รัฐบาลสนับสนุนให้ซื้อขายทองด้วย USD โดยตรง ไม่ผ่านเงินท้องถิ่น

 • ช่วยรักษาเสถียรภาพค่าเงิน Dirham

อินเดีย

 • ประเทศที่บริโภคทองมากที่สุดในโลก

 • เคยประสบปัญหาดุลการค้าเสียเพราะการนำเข้าทอง

 • ใช้การเก็บภาษีทองคำและจำกัดการนำเข้าเพื่อควบคุมผลกระทบ

สำหรับสาระสำคัญที่ควรจับตา

✅ หากไม่จัดการให้ดี “พฤติกรรมขายทองตอนราคาขึ้น” จะเป็นแรงผลักให้เงินบาทแข็งเกินพื้นฐาน

✅ ส่งผลเสียต่อผู้ส่งออก นักท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในภาพรวม

✅ BOT อาจจะเสนอนโยบายเชิงรุกให้ใช้ USD เป็นสื่อกลางในการซื้อขายทอง

✅ ประเทศอื่นทำมาแล้วและได้ผลในระดับหนึ่ง

“บทสรุปทองคำ ไม่ได้เป็นแค่สินทรัพย์ที่ปลอดภัย แต่ยังเป็นตัวแปรที่มีผล “กดหรือดันค่าเงิน” ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในบริบทของประเทศไทย การจัดโครงสร้างภาษีและระบบการซื้อขายทองใหม่ ให้ชำระเป็น USD แทน THB อาจเป็นแนวนโยบายหนึ่งที่ช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทในช่วงวิกฤตทองแพงได้”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง