รีเซต

รู้ทัน ภัยแล้ง-น้ำท่วม สรุปสถานการณ์น้ำไทยครึ่งปีหลัง 67

รู้ทัน ภัยแล้ง-น้ำท่วม สรุปสถานการณ์น้ำไทยครึ่งปีหลัง 67
TNN ช่อง16
8 กรกฎาคม 2567 ( 08:02 )
49

สถานการณ์น้ำในประเทศไทย ครึ่งหลังฤดูฝน 2567: เตรียมรับมือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น


ในช่วงครึ่งหลังของฤดูฝน ปี 2567 นี้ ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมฉับพลันตามมาได้ โดยมีหลายประเด็นที่น่าสนใจและต้องจับตามอง ดังนี้


ฝนตกหนักหลายพื้นที่ ต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน

จากการแจ้งเตือนของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ระบุว่าตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ 4 ภูมิภาคหลัก ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ จึงต้องเฝ้าระวังปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยง ทั้งที่ราบลุ่มน้ำ เชิงเขา และพื้นที่ชุมชนเมืองที่มักประสบปัญหาระบายน้ำไม่ทัน ดังเช่นเหตุน้ำท่วมที่เพิ่งเกิดขึ้นในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา แม้ปัจจุบันจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็ตาม


เหตุเขื่อนแตกที่จีน ไม่ส่งผลกระทบต่อไทย

ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ ยังมีข่าวการแตกพังของคันเขื่อนทะเลสาบต้งถิงในประเทศจีนเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม จากฝนตกหนักสุดในรอบปี ทำให้น้ำท่วมและต้องอพยพประชาชนกว่า 6,000 คน อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ สทนช. ได้ให้ข้อมูลชัดเจนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยแน่นอน เนื่องจากอยู่คนละลุ่มน้ำ ไม่มีทิศทางการไหลมายังแม่น้ำโขงซึ่งมีความยาวรวม 4,880 กิโลเมตร และไม่มีความเชื่อมโยงทางกายภาพกัน โดยลุ่มน้ำของไทยที่เชื่อมต่อกับจีนมีเพียงลุ่มแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านมณฑลยูนนานเท่านั้น ซึ่งระดับน้ำโขงที่จุดวัดสถานีจิ่งหงในปัจจุบันยังต่ำกว่าระดับตลิ่งถึง 13.34 เมตร จึงมั่นใจว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ


สถานการณ์น้ำในประเทศโดยรวม

จากข้อมูลรายงานสถานการณ์น้ำในภาพรวมของประเทศ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 พบว่าการกระจายตัวของฝนครอบคลุมเกือบทุกภาค แต่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 39,683 ล้าน ลบ.ม. ยังอยู่ในระดับไม่สูงนัก คิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุ และมีปริมาณน้ำใช้การได้ 15,521 ล้าน ลบ.ม. หรือเพียงร้อยละ 27 โดยมีอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังภาวะน้ำน้อย 5 แห่ง ได้แก่ ภูมิพลและสิริกิติ์ในภาคเหนือ จุฬาภรณ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และปราณบุรีในภาคตะวันตก นอกจากนี้ คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง และบางปะกง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน


แนวทางบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

ในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้ง 22 ลุ่มน้ำ และเสนอให้คณะกรรมการลุ่มน้ำนำกระบวนการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) มาใช้ปรับปรุงแผนแม่บทน้ำในครั้งถัดไป ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็มีมติเห็นชอบด้วยเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน จึงเกิดการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม โดยเป็นการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดขอนแก่น เพื่อสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการประยุกต์ใช้ SEA สู่การจัดทำแผนแม่บทระดับลุ่มน้ำที่มีประสิทธิภาพและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในปีงบประมาณ 2568



จากข้อมูลสถานการณ์น้ำในช่วงครึ่งหลังของฤดูฝนปีนี้ จะเห็นได้ว่ายังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ จึงต้องเฝ้าระวังและเตรียมรับมือเป็นพิเศษ ในขณะเดียวกัน แม้เหตุการณ์เขื่อนแตกที่จีนจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรง แต่ก็สะท้อนให้เห็นความจำเป็นในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ดังนั้น ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการจัดทำและปรับปรุงแผนแม่บทการจัดการน้ำระดับลุ่มน้ำให้สอดคล้องกับแผนระดับประเทศ และใช้กระบวนการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่าง SEA จะเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงด้านน้ำของประเทศในระยะยาว



ภาพ Getty Images 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง