รีเซต

แกะรอย "F1" ปลุกเศรษฐกิจท่องเที่ยวได้แค่ไหน l การตลาดเงินล้าน

แกะรอย "F1" ปลุกเศรษฐกิจท่องเที่ยวได้แค่ไหน l การตลาดเงินล้าน
TNN ช่อง16
19 มิถุนายน 2568 ( 13:58 )
15

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์ ฟอร์มูลา วัน (Formula One) ประจำปี 2571 ถึงปี 2575 รวมระยะเวลา 5 ปี ภายใต้กรอบงบประมาณในการดำเนินงานกว่า 41,000 ล้านบาท

โดยคาดหวังที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายของทางการเป็นศูนย์กลาง การแข่งขันกีฬาชั้นนำของโลก ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี และส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ

การจัดงานแข่งขันดังกล่าว จะเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร พื้นที่จตุจักร ตั้งแต่ตลาดนัดจตุจักร ไปจนถึงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ รวมระยะทาง 5.7 กิโลเมตร ซึ่งในแต่ละปีจะมีขึ้น 3 วัน และจะเป็นวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์

มีการศึกษาผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจจากการจัดงานดังกล่าวสำหรับประเทศไทย คาดว่าในช่วงปี 2571 - 2575 จะมีผู้เข้าชมการแข่งขันจำนวน 99,875 คนต่อวัน รวมจำนวน 3 วัน จะมีทั้งสิ้น 299,625 คนต่อปี ซึ่งเป็นคนไทยร้อยละ 70 และอีกร้อยละ 30 เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ทั้งคาดว่า จะมีการกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และบริการขนส่ง ทำให้มีเงินสะพัดทางเศรษฐกิจ ระหว่างการจัดการแข่งขันเฉลี่ยอยู่ที่ 16,000 ล้านบาทต่อปี

สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14,000 ล้านบาท และสร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีภาครัฐเฉลี่ย 1,400 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ ยังเกิดการลงทุนใหม่เฉลี่ย 7,000 ล้านบาทต่อปี และสร้างงานใหม่ภายในประเทศประมาณปีละ 8,000 ตำแหน่ง ตลอดจนเกิดการพัฒนาเมือง การกระจายรายได้ และส่งเสริม ซอฟต์ พาวเวอร์ ของไทย 

นั่นเป็นผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมที่ประเทศไทยคาดว่าจะได้รับ จากการเป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขัน ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายประเทศแสดงความสนใจเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเช่นกัน โดยมองเห็นถึงผลประโยชน์ในทางเดียวกัน

หากย้อนไปดูการเป็นเจ้าภาพการจัดงานของหลายเมือง ในหลายประเทศ บ่งชี้ได้ว่า การจัดงานแข่งขัน ฟอร์มูลา วัน ได้ทำหน้าที่เป็นตังเร่งที่ทรงพลังในการสร้างแบรนด์ และกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อมูลจาก เวิลด์ ทัวริสซึม ฟอรัม อินสติติว 2025 (World Tourism Forum Institute 2025) ระบุว่า การจัดแข่งขันฟอร์มูลา วัน ในแต่ละครั้ง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้หลายหมื่นคน จึงกลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดรายการหนึ่ง สำหรับการทำตลาดการท่องเที่ยว เช่น

การแข่งขัน กรังด์ปรีซ์ สิงคโปร์ ปี 2023 สามารถดึงดูดผู้ชมได้กว่า 250,000 คน โดยมากกว่าร้อยละ 40 เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย ติดอันดับหนึ่งในงานกีฬาชั้นนำของประเทศมาโดยตลอด โดยมีส่วนทำให้การเข้าพักในโรงแรมช่วงสัปดาห์ที่มีการจัดแข่งขัน มีจำนวนการเข้าพักมากกว่า 1 ล้าน 5 แสนคืน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากงานนี้ได้อย่างเด่นชัด

ส่วนการแข่งขัน กรังด์ปรีซ์ ลาสเวกัส ซึ่งจัดขึ้นอีกครั้งในปี 2023 สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ และสร้างรายได้ให้กับโรงแรมสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดยในภาพรวมของการจัดงาน เกิดการสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ เพียงสัปดาห์เดียวได้มากกว่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกือบ ๆ 40,000 ล้านบาท

ที่ โมนาโก แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่ก็ใช้ประโยชน์จาก F1 เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ในฐานะสนามเด็กเล่นสำหรับกลุ่มคนชั้นสูง และโกยรายได้จากการจัดแข่งขันคิดเป็นร้อยละ 30 ของรายได้จากการท่องเที่ยวประจำปี

อบูดาบี กรังด์ปรีซ์ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นอีกกรณีศึกษา โดยจัดการแข่งขันในช่วงปลายฤดูกาล กลายเป็นงานสำคัญที่ผสมผสานกีฬา และความบันเทิงเข้าด้วยกัน ตอกย้ำให้อาบูดาบี เป็นจุดหมายปลายทางสุดหรูระดับโลก และที่ประเทศแห่งนี้ ซึ่งจัดกรังด์ปรีซ์ครั้งแรก เมื่อปี 2009 มองว่า F1 มีความสำคัญต่อการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ จึงทุ่มลงทุนเป็นเงินกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการสร้างเกาะเทียม เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้

นอกจากนี้ การที่ F1 เผยแพร่ข้อมูลการแข่งขันผ่านสื่อทั่วโลก โดยเผยแพร่จากเมืองเจ้าภาพไปยังครัวเรือนกว่า 500 ล้านครัวเรือนในกว่า 180 ประเทศ เป็นการช่วยยกระดับแบรนด์ และชื่อเสียงของเมือง ซึ่งมักนำไปสู่ความสนใจด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง แม้จะจบการแข่งขันไปแล้วก็ตาม

ปัจจุบัน ตามปฏิทินการแข่งขันฟอร์มูลา วัน มีทั้งหมด 24 รายการ ใน 21 ประเทศ ซึ่งครอบคลุม 5 ทวีป ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสิงคโปร์เพียงประเทศเดียว ที่มีการแข่งขันรายการดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2008 โดยใช้เส้นทางสตรีท เซอร์กิต กลางเมืองในรูปแบบ ไนท์ เรซ 

อย่างไรก็ตาม ประเทศแรกในอาเซียนที่ได้มีการจัดแข่งขัน เอฟ วัน คือมาเลเซีย เคยเป็นเจ้าภาพจัดงานที่สนาม เซปัง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ตั้งแต่ปี 1999 ถึงปี 2017 หลังจากนั้นก็ได้ถอนตัวไป แต่ปีที่ผ่านมา เคยมีรายงานว่าข่าว มาเลเซียกำลังมีแนวคิดที่จะนำการแข่งขัน เอฟวัน กลับมาอีกครั้ง

ส่วนเวียดนาม เคยมีกำหนดจะจัดแข่งขัน เมื่อปี 2020 แต่การแข่งขัน เวียดนาม กรังปรีซ์ ครั้งแรกถูกยกเลิกไป เนื่องจากการระบาดของโควิด 19 จากนั้นก็ไม่ได้มีปรากฏอยู่ในปฏิทินการแข่งขันอีกเลย ซึ่ง เวียดนาม ได้ลงนามข้อตกลงกับ เอฟ วัน ในปี 2018 โดยมีค่าใช้จ่าย 60 ล้านดอลลาร์ต่อปี และคาดหวังว่าเสน่ห์ของกีฬาชนิดนี้ จะช่วยปรับภาพลักษณ์ของ ฮานอย ที่นิ่งเฉย และสะท้อนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้ 

มีอีกข้อมูลที่น่าสนใจ คือฐานแฟนคลับของการแข่งขัน ฟอร์มูลา วัน ในปัจจุบันพบว่าเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากข้อมูลของ นีลเส็น สปอร์ต พบว่า F1 มีฐานแฟนคลับทั่วโลกเป็นจำนวน 826.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 90 ล้านคนจากฤดูกาลปี 2023 

จากข้อมูลตัวเลขดังกล่าว พบว่า ตลาดสหรัฐอเมริกา เติบโตขึ้นร้อยละ 10.5 ส่วนจีน ที่กลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้ง ทำให้ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จีนกลายเป็นผู้นำการเติบโตทั่วโลก ด้วยฐานแฟนของ F1 ในจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 39 

ส่วนตลาดอื่น ๆ ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ แคนาดา เติบโตร้อยละ 31.5 อาร์เจนตินา ร้อยละ 25.5 และ ซาอุดีอาระเบีย ร้อยละ 25.5 เช่นกัน 

นอกจากนี้ การชมผ่านทางโทรทัศน์ และช่องทางดิจิทัล ก็เติบโตต่อเนื่อง โดยข้อมูลของ นีลเส็น สปอร์ต รายงานว่า ปี 2024 การชมการแข่งขันผ่านทางโทรทัศน์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 โดยทางช่อง อีเอสพีเอ็น (ESPN) พบว่า แม้จำนวนผู้ชมโดยรวมในสหรัฐฯ จะคงที่ แต่การแข่งขัน 7 รายการ ได้สร้างสถิติใหม่ในด้านจำนวนผู้ชมใน ไมอามี, โมนาโก, แคนาดา อังกฤษ อิตาลี กาตาร์ และอาบูดาบี และมีถึง 11 รายการที่มีจำนวนผู้ชมเพิ่มขึ้น ได้แก่ ญี่ปุ่น ไมอามี โมนาโก แคนาดา สเปน อังกฤษ ฮังการี เนเธอร์แลนด์ อิตาลี กาตาร์ และ อาบูดาบี

ส่วนการชมไฮไลต์ บน ยูทูป ทั่วโลก ก็มียอดวิวเพิ่มขึ้น 233 ล้านครั้ง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีจำนวน 31.5 ล้านครั้ง, สหราชอาณาจักร 25 ล้านครั้ง และอินเดีย 13 ล้านครั้ง

จอน สเตนเนอร์ (Jon Stainer) ผู้จัดการทั่วไประดับโลกของ นีลเส็น สปอร์ต กล่าวว่า การเติบโตของฟอร์มูลา วัน สะท้อนให้เห็นถึงความน่าดึงดูดใจเพิ่มขึ้นทั่วโลก ด้วยฤดูกาลแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในปีที่ผ่านมา และตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา จีน และบราซิล ก็ประสบกับการเติบโตของฐานผู้ชม ในแต่ละปี สะท้อนได้ว่า ฟอร์มูลา วัน ยังคงส่งเสริมตำแหน่งของตัวเองในฐานะกีฬาระดับโลกได้อย่างแท้จริง และคาดว่า ฤดูกาลปี 2025 จะเป็นโอกาสำคัญสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ที่จะปรับตัวให้เข้ากับโมเมนตัมนี้ และมีส่วนร่วมกับฐานแฟน ๆ ที่มีความหลากหลายและมีส่วนร่วมมากขึ้น

ด้าน สเตฟาโน โดเมนิคาลี (Stefano Domenicali) ซีอีโอ ของ ฟอร์มูลา วัน กรุ๊ป (Formula One Group) กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ บอกว่าการแข่งขันยังคงมีแนวโน้มผู้เข้าชมสูงสุดตลอดทั้งฤดูกาล 2024 โดยมีจำนวนผู้ชมเต็มความจุของสนามถึง 17 สนาม และสร้างสถิติใหม่ด้านจำนวนผู้เข้าชมอีก 10 รายการ โดยในปี 2024 มีผู้เข้าชมการแข่งขันมากกว่า 6 ล้าน 5 แสนคน ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับปี 2023

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง