รีเซต

สหรัฐ-จีน : เราเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเวลาใช้แอปฯ ติ๊กต็อก (TikTok) ได้แค่ไหนหลัง ปธน.ทรัมป์ ประกาศเตรียมแบน

สหรัฐ-จีน : เราเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเวลาใช้แอปฯ ติ๊กต็อก (TikTok) ได้แค่ไหนหลัง ปธน.ทรัมป์ ประกาศเตรียมแบน
ข่าวสด
1 สิงหาคม 2563 ( 22:37 )
184

 

สหรัฐ-จีน : เราเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเวลาใช้แอปฯ ติ๊กต็อก (TikTok) ได้แค่ไหนหลัง ปธน.ทรัมป์ ประกาศเตรียมแบน - BBCไทย

หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเตรียมแบนแอปพลิเคชันติ๊กต็อก(TikTok) ของจีน คำถามที่ว่าเราสามารถเชื่อมั่นในแอปพลิเคชันยอดนิยมนี้ได้แค่ไหนก็กลายเป็นประเด็นถกเถียงอีกครั้ง

นายทรัมป์ระบุกับนักข่าวบน แอร์ฟอร์ซวัน เครื่องบินโดยสารประจำตำแหน่ง ว่าจะระงับไม่ให้คนใช้ติ๊กต็อกในสหรัฐฯ และอาจจะลงนามคำสั่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาหรือ Executive Order ภายในที่ 1 ส.ค.

อย่างไรก็ดี ยังไม่แน่ชัดว่านายทรัมป์จะใช้อำนาจอะไรสั่งระงับ จะบังคับใช้อำนาจนั้นอย่างไร และจะทำให้มีผลกระทบในเชิงกฎหมายอย่างไรบ้าง

เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงสหรัฐฯ กังวลว่าแอปพลิเคชันนี้ ซึ่งเป็นของบริษัท ByteDance ของจีน อาจถูกใช้สำหรับเก็บข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน

ในสหรัฐฯ มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้เป็นประจำถึง 80 ล้านคนต่อเดือน ขณะทั่วโลกมีคนใช้ราว 800 ล้านคนต่อเดือน

โฆษกของติ๊กต็อกปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นถึงคำกล่าวของนายทรัมป์ แต่บอกสื่อสหรัฐฯ ว่าพวกเขาเชื่อมั่นในความสำเร็จระยะยาวของติ๊กต็อกในสหรัฐฯ

EPA
ยังไม่แน่ชัดว่านายทรัมป์จะใช้อำนาจอะไรสั่งระงับ และจะทำให้มีผลกระทบในเชิงกฎหมายอย่างไรบ้าง

ติ๊กต็อกเกี่ยวพันกับจีนอย่างไร

ติ๊กต็อกเริ่มต้นจาก 3 แอปพลิเคชันแยกกัน

อันแรกคือแอปพลิเคชันของสหรัฐฯ ชื่อ Musical.ly ซึ่งก่อตั้งในปี 2014

ในปี 2016 Bytedance บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ก่อตั้งแอปพลิเคชันคล้ายกันกับ Musical.ly ในชื่อ Douyin

จากนั้น ByteDance ก็ขยายกิจการของ Douyin ไปทั่วโลกภายใต้ชื่อ TikTok ก่อนที่ในปี 2018 ByteDance จะซื้อกิจการของ Musical.ly และรวมทุกแอปพลิเคชันภายใต้ชื่อ TikTok

ติ๊กต็อกเก็บข้อมูลแค่ไหน

ติ๊กต็อกเก็บข้อมูลจำนวนมากของผู้ใช้แอปพลิเคชัน ได้แก่ :

  • วิดีโออะไรที่คุณดู และคุณไปแสดงความคิดเห็นไว้
  • ข้อมูลเรื่องตำแหน่งที่อยู่ของคุณ
  • รุ่นโทรศัพท์และระบบการใช้งานที่คุณใช้
  • จังหวะการพิมพ์ข้อความของผู้ใช้

การเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของแอปพลิเคชันนี้ถูกตั้งคำถามเป็นอย่างมาก รวมถึงการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่าติ๊กต็อกอ่านดูด้วยว่าผู้ใช้ไป "คัดลอกและแปะ"(copy and paste) ข้อความอะไรบ้าง

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไรเพราะแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกหลายแอปพลิเคชันอาทิ เรดดิท(Reddit), นิวยอร์กไทมส์ และบีบีซีนิวส์ ก็ทำ และก็ไม่ได้ดูเหมือนจะเป็นการกระทำอะไรที่เลวร้าย และก็เปรียบเทียบได้กับแอปพลิเคชันที่ "หิวข้อมูล" อื่น ๆ อย่างเช่นเฟซบุ๊ก

จีนสามารถใช้แอปฯ สอดส่องคนได้ไหม

เมื่อนักข่าวถามนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า เขาจะแนะนำให้ดาวน์โหลดติ๊กต็อกไหมเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

เขาตอบว่า "ถ้าคุณอยากให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณตกอยู่ในมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็เอาสิ"

ถึงตอนนี้ อินเดีย ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของติ๊กต็อก ได้ห้ามการใช้ติ๊กต็อกและแอปฯ อื่น ๆ ของจีนอีก 58 แอปฯ จากเหตุผลเกี่ยวกับความกังวลด้านความมั่นคงของทางการ

อย่างไรก็ดี ติ๊กต็อกยืนยันหลายรอบแล้วว่าข้อมูลของผู้ใช้ถูกเก็บไว้นอกประเทศจีน

BBC
นายทรัมป์ระบุกับนักข่าวบน แอร์ฟอร์ซวัน เครื่องบินโดยสารประจำตำแหน่ง ว่าจะระงับไม่ให้คนใช้ติ๊กต็อกในสหรัฐฯ

"การเสนอว่าพวกเราอยู่ภายใต้กำมือของจีน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น" ธีโอ เบอร์แทรม หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ของติ๊กต็อก บอกกับบีบีซี

อย่างไรก็ดี ผู้วิพากษ์วิจารณ์บอกว่ามีความเป็นไปได้ในเชิงทฤษฎีเพราะกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติจีนปี 2017 บังคับให้พลเมืองหรือองค์กรใดก็ตาม "สนับสนุน ช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือกับงานด้านข่าวกรองของประเทศ"

แต่นายเบอร์แทรมบอกว่า หากรัฐบาลจีนติดต่อขอข้อมูลมา บริษัทจะปฏิเสธอย่างแน่นอน

ติ๊กต็อกอาจถูกใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อของจีนได้ไหม

Getty Images

นอกจากนี้ บางฝ่ายยังกังวลเรื่องการเซ็นเซอร์ข้อมูลด้วย

จีนเป็นประเทศที่จำกัดเสรีภาพในโลกอินเทอร์เน็ตมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง เมื่อปีที่แล้ว นสพ.เดอะการ์เดียน รายงานว่า พนักงานของติ๊กต็อกและระบบอัตโนมัติของแอปพลิเคชันเซ็นเซอร์ข้อมูลที่ถือว่าเป็นเรื่องอ่อนไหวทางการเมือง โดยมีรายงานว่ามีการบล็อกวิดีโอเหตุการณ์การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน และวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียกร้องเอกราชของทิเบต

นสพ.วอชิงตันโพสต์ ได้พูดคุยกับอดีตพนักงานติ๊กต็อก 6 คน ซึ่งบอกว่าพนักงานผู้ตรวจตราข้อมูลในจีนมีอำนาจตัดสินใจว่าจะอนุมัติให้เผยแพร่วิดีโอหรือไม่

บริษัท ByteDance บอกว่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีการค่อย ๆ ยกเลิกการยึดถือตามแนวทางปฏิบัตินั้นแล้ว แต่บางฝ่ายก็ยังเชื่อว่าเกณฑ์การตรวจสอบเนื้อหายังโอนเอนเข้าข้างรัฐจีนอยู่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง