รีเซต

AI ปฏิวัติการพยากรณ์พายุ ช่วยคาดการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำ และทำได้ดีกว่าที่ใครคาดคิด!

AI ปฏิวัติการพยากรณ์พายุ  ช่วยคาดการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำ  และทำได้ดีกว่าที่ใครคาดคิด!
TNN ช่อง16
9 ธันวาคม 2568 ( 11:00 )
27

ในฤดูกาลเฮอริเคนแอตแลนติกปี 2568 ที่เพิ่งปิดฉากไปเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สิ่งที่โดดเด่นที่สุดกลับไม่ใช่จำนวนพายุหรือความรุนแรงของมัน แต่เป็น “บทบาทของปัญญาประดิษฐ์” ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยสำคัญในการพยากรณ์พายุอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ปีนี้ ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NHC ทดลองนำแบบจำลอง AI มาใช้ควบคู่กับแบบจำลองดั้งเดิมที่พึ่งพามาอย่างยาวนาน โดยหนึ่งในโมเดลที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือระบบที่พัฒนาโดย Google DeepMind ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สามารถคาดการณ์การทวีความรุนแรงของเฮอริเคนได้แม่นยำขึ้นมาก

ผลงานที่เห็นได้ชัดคือกรณีของ “เฮอริเคนเมลิสซา” พายุลูกที่สร้างความเสียหายหนักให้กับจาเมกาในปลายเดือนตุลาคม เจ้าหน้าที่เผยว่า DeepMind ทำให้พวกเขามั่นใจได้ตั้งแต่ 3 วันก่อนขึ้นฝั่งว่า พายุลูกนี้จะทวีกำลังอย่างรวดเร็วและแตะระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด นับเป็นครั้งแรกที่ NHC ทำนายได้ตั้งแต่ต้นว่าพายุระดับ 1 ที่เพิ่งก่อตัวจะพัฒนาเป็นระดับ 5 ได้อย่างถูกต้อง


การคาดการณ์การทวีความรุนแรงอย่างฉับพลัน หรือ rapid intensification กลายเป็นภารกิจสำคัญขึ้นทุกปี เพราะภาวะโลกร้อนทำให้พายุมีแนวโน้มเกิดปรากฏการณ์นี้บ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะช่วงก่อนขึ้นฝั่งที่มักสร้างความเสียหายสูงสุด

ต่างจากแบบจำลองดั้งเดิมที่อาศัยสมการฟิสิกส์และต้องใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ประมวลผลเป็นชั่วโมง โมเดล AI อย่าง DeepMind ใช้ข้อมูลสภาพอากาศในอดีตมาเรียนรู้และสามารถรันผลลัพธ์ได้ภายในไม่กี่นาที แม้แต่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป ที่สำคัญคือเป็นแบบ “ensemble” คือรันหลายครั้งพร้อมกันด้วยค่าบรรยากาศที่ต่างกันเล็กน้อย เพื่อประเมินความมั่นใจของผลลัพธ์

อย่างไรก็ตาม นักพยากรณ์ยังคงใช้ความระมัดระวัง เพราะ AI ถูกมองว่าเป็นเหมือน “กล่องดำ” ให้คำตอบที่มาจากการค้นหารูปแบบในข้อมูล ไม่ได้อิงหลักฟิสิกส์แบบเดิม ทำให้ยากขึ้นในการตีความว่าเหตุใดมันจึงทำนายแบบนั้น

แม้จะมีข้อกังวล แต่เมื่อจบฤดูกาล “เจมส์ แฟรงคลิน” อดีตหัวหน้าฝ่ายพยากรณ์ของ NHC วิเคราะห์แล้วพบว่าโมเดล DeepMind ทำผลงานดีที่สุด ทั้งด้านเส้นทางและความรุนแรง แม้จะไม่ได้แม่นยำทุกลูกเหมือนกันก็ตาม

นักพยากรณ์อาวุโสอย่าง “จอห์น คังเกียโลซี” ระบุว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่การพยากรณ์เฮอริเคนเปลี่ยนไปมากที่สุดในรอบกว่า 20 ปี แต่ย้ำว่า AI จะไม่เข้ามาแทนที่นักพยากรณ์ที่เป็นมนุษย์ เพราะแม้จะทรงพลังเพียงใดก็ตาม แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาด และไม่สามารถบอกผลกระทบได้ครบถ้วนเหมือนมนุษย์ที่มองภาพรวมทั้งหมด

ขณะเดียวกัน หน่วยงานอย่าง NOAA และพันธมิตรทั่วโลกก็เริ่มพัฒนาโมเดล AI ของตัวเอง เตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบในฤดูกาลหน้า สะท้อนว่าการใช้ AI ในการพยากรณ์พายุไม่ใช่แค่การทดลอง แต่กำลังจะกลายเป็นเครื่องมือหลักของยุคใหม่

ฤดูกาลเฮอริเคนปี พ.ศ. 2568 จึงกลายเป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ AI มีบทบาทสำคัญในการช่วยเตือนภัย ช่วยชีวิต และรับมือกับพายุที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโลกร้อน และเส้นทางนี้กำลังเดินหน้าอย่างไม่ย้อนกลับอย่างแน่นอน


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง