มาร์ติน โมอิส ภริยาม่ายของประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส เดินทางกลับประเทศแล้ว หลังถูกส่งไปรักษาตัวที่รัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ

มาร์ตินเดินทางจากโรงพยาบาลในนครไมอามี รัฐฟลอริดา ที่เธอถูกส่งไปรักษาตัวอาการบาดเจ็บตั้งแต่หลังเหตุลอบสังหาร กลับถึงกรุงปอร์โตแปรงซ์เมื่อวันเสาร์ (17 กรกฎาคม) ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยมี โคลด โจเซฟ นายกรัฐมนตรีรักษาการและเจ้าหน้าที่รัฐบาลเฮติรอต้อนรับ

 

 

นางมาร์ตินยังคงต้องสวมอุปกรณ์ช่วยพยุงแขน และใส่เสื้อกันกระสุน เมื่อเดินทางถึงสนามบินเฮติ ก่อนไปขึ้นรถที่มารอรับโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ

 

 

เจ้าหน้าที่รัฐบาลเฮติ เผยว่า มาร์ตินเดินทางกลับมาเพื่อเตรียมพิธีศพของประธานาธิบดีโฌเวแนล ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ขณะที่ก่อนหน้านี้ นางมาร์ตินได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์ลอบสังหารว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก สามีของเธอไม่ทันได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ก่อนที่จะถูกกลุ่มมือปืนที่บุกเข้าบ้านพัก ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 7 กรกฎาคม แล้วกราดยิงจนถึงแก่อสัญกรรม และเธอได้ทวีตข้อความบน Twitter ในเวลาต่อมาว่า ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจะไม่ผ่านพ้นไป

 

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของเฮติ ระบุว่า เหตุลอบสังหารประธานาธิบดี เป็นฝีมือของกลุ่มมือปืนรับจ้างที่ประกอบด้วยชาวโคลอมเบีย 26 คนและชาวอเมริกันเชื้อสายเฮติ 2 คน จนทำให้เฮติต้องตกอยู่ในสถานการณ์โกลาหล ขณะนี้ ตำรวจเฮติได้จับกุมกลุ่มมือปืนชาวโคลัมเบีย 18 คน ชาวอเมริกันเชื้อสายเฮติ 3 คน ซึ่งรวมถึง คริสเตียน เอ็มมานูแอล ซานง วัย 63 ปี ที่เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นหนึ่งในผู้บงการลอบสังหาร และมีชาวโคลอมเบียอีก 5 คนกำลังหลบหนี ส่วนอีก 3 คนถูกจับตาย

 

 

ส่วนสาเหตุของแผนการลอบสังหารครั้งนี้ยังไม่ชัดเจนและไม่เป็นที่เปิดเผย อย่างไรก็ดี มาร์ตินในฐานะผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ถูกมองว่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ข้อมูลและรายละเอียดต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะนำไปสู่การไขคดีได้