รีเซต

อาจารย์เจษฎา จำลองหาก "นิวเคลียร์" ลงกลาง กทม.จะเกิดอะไรขึ้น?

อาจารย์เจษฎา จำลองหาก "นิวเคลียร์" ลงกลาง กทม.จะเกิดอะไรขึ้น?
TeaC
2 มีนาคม 2565 ( 12:27 )
442
อาจารย์เจษฎา จำลองหาก "นิวเคลียร์" ลงกลาง กทม.จะเกิดอะไรขึ้น?

ข่าววันนี้ ถ้ามีระเบิดนิวเคลียร์ มาตกกลางกทม.จะเกิดอะไรขึ้น ?  รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยา ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา ซึ่งมีแฟนเพจเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก 

 

ถ้ามีระเบิดนิวเคลียร์ มาตกกลางกทม.จะเกิดอะไรขึ้น ? 

 

ทั้งนี้  รศ.ดร.เจษฎา โพสต์ว่า "ถ้ามีระเบิดนิวเคลียร์ มาตกกลางกรุงเทพฯ จะเกิดอะไรขึ้น ? " เมื่อกี้ นักข่าวสัมภาษณ์ความเห็นเกี่ยวกับเรื่อง "อันตรายจากอาวุธนิวเคลียร์ และสารกัมมันตรังสีปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม" ซึ่งคำถามหนึ่งที่น่าสนใจ คือ สงครามในยูเครน-รัสเซีย คงยังไม่ถึงขั้นใช้ระเบิดนิวเคลียร์ และคงยังไม่กระทบกับไทยโดยตรง (หวังว่า) แต่ถ้าเกิดล่ะ ถ้าบังเอิญมาระเบิดนิวเคลียร์มาลงที่ไทยด้วย จะเป็นยังไงบ้าง !?


ก็ไปเจอกับเว็บ NukeMap นี้ (https://nukemap.org/nukemap/)  ที่เค้าจำลองผลของการเกิดระเบิดขึ้นของอาวุธนิวเคลียร์ ที่ใดก็ได้ ระดับใดก็ได้ ว่าจะมีผลกระทบอย่างไร เป็นรัศมีกว้างแค่ไหน


เลยตั้งค่าว่า ถ้าลงกลางกรุงเทพฯ แถมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายหลักแน่ๆ ถ้าเกิดสงครามขึ้น) โดยให้เป็นจรวดขีปนาวุธข้ามทวีปของเกาหลีเหนือ ขนาด 150 กิโลตัน (10 เท่าของที่ฮิโรชิมา) ให้ระเบิดบนผิวดิน และมีกระแสลมพัดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 


ผลที่ได้ก็ออกมาดังรูป คือ มีคนตายทันที 2.35 แสนคน มีคนบาดเจ็บทันที 6.3 แสนคน และภายใน 24 ชั่วโมง จะมีคนตายรวม 1.9 ล้านคน


ส่วนระดับความรุนแรงของการระเบิดก็ขึ้นกับระยะห่างจากจุดศูนย์กลางการระเบิด ตามระยะของวงสี (โดนบ้านใครบ้างเนี่ย)  แบ่งเป็น 6 ระดับ คือ 

 

ความรุนแรง 6 ระดับ

  1. Fireball รัศมี 0.59 กิโลเมตร - อะไรที่อยู่ในรัศมีนี้ จะถูกความร้อนของลูกไฟทำให้ระเหิดการเป็นไอ ไปหมด

  2. Heavy blast damage รัศมี 1.16 กม. - อาคารคอนกรีตใหญ่ๆ จะเสียหายอย่างหนัก หรือถล่มทลายลงมา คนจะตาย 100%

  3. Radiation รัศมี 1.94 กม. - มีกัมมันตภาพรังสีรุนแรง ซึ่งถ้ามีผู้ที่รอดชีวิตมา 15% จะตายด้วยมะเร็งใน 1 เดือน

  4. Moderate blast damage รัศมี 2.43 กม. - อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่จะถล่มลงมา คนจะบาดเจ็บกันถ้วนหน้า และจะมีคนเสียชีวิตเป็นวงกว้าง  มีโอกาสสูงที่จะเกิดไฟไหม้อาคารต่างๆ

  5. Thermal radiation รัศมี 4.67 กม. - คนที่รอด จะบาดเจ็บจากการที่ผิวหนังไหม้ระดับ 3 แต่มักจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเพราะมันทำลายระบบประสาทรับความรู้สึกเจ็บไปแล้ว จากนั้นจะเกิดแผลเป็นรุนแรง หรือพิการ หรือจำเป็นต้องตัดแขนขาทิ้ง

  6. Light blast damage รัศมี 6.25 กม. - กระจกหน้าต่างน่าจะแตกหมด ทำให้หลายคนบาดเจ็บ ถ้ายังอยู่ใกล้กระจกหลังจากที่เห็นแสงวาบของการะระเบิด (แสงระเบิด เดินทางเร็วกว่าคลื่นแรงกด ที่ตามมา) 


นอกจากนั้น ทิศทางและกระแสของลม ยังพาเอาฝุ่นผงกัมมันตรังสีไปได้อีกไกลมาก (ถ้าตามที่เซตนี้ ก็ไปได้ถึงโคราชเลย) ซึ่งผลของ fallout นี้ ประเมินยากว่าจะรุนแรงแค่ไหน ขึ้นกับพฤติกรรมของประชาชนในการป้องกันตนเองด้วย


 

เตรียมตัวรับมือ มหันตภัยกัมมันตภาพรังสี

ทั้งนี้ อาจารย์เจษ ยังได้โพสต์ถึงกรณีการ "เตรียมตัวรับมือ มหันตภัยกัมมันตภาพรังสี" และ 5 ข้อที่ควรเตรียมถ้ามีแนวโน้มจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ ตามนี้

จากสถานการณ์ความตึงเครียดระดับโลกในยุโรปตอนนี้ โดยเฉพาะที่มีการพูดถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ทำให้หลายคนสงสัยถามมาว่าจะต้องรับมือกับกัมมันตภาพรังสีอย่างไรบ้าง ถ้าเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นในยุโรป


คือ ถ้าเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นจริง คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ รวมถึงคนไทยเรา คงไม่รอดชีวิตแน่ๆ


แต่ถ้าใช้เพียงจำนวนน้อย หรือเกิดการรั่วไหลจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ถูกทำลาย ก็ยังพอที่ประเทศไทยเราจะยังเอาชีวิตรอดกันได้ อาจจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากแรงระเบิด แต่น่าจะได้รับผลกระทบทางอ้อม


โดยฝุ่นที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีจากการระเบิดนั้นสามารถแผ่กระจายไปตามกระแสลมได้เป็นบริเวณกว้าง และสามารถทำให้พืชพรรณธัญญาหารและแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ปนเปื้อนและเป็นพิษต่อผู้ที่บริโภคเข้าไป นำไปสู่อาการต่างๆ ขึ้นกับปริมาณของสารรังสีที่ได้รับไป ตั้งแต่การระคายเคือง อ่อนเพลีย อาเจียน ท้องเสีย ผมร่วง เม็ดโลหิตขาวลดลง เสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง และเสียชีวิตได้ถ้าได้รับเข้าไปมากๆ

 

ถอดบทเรียน งโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟุกุชิมา ประเทศญี่ปุ่น

ลองถอดบทเรียนจากตอนที่เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี จากการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ ของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟุกุชิมา ประเทศญี่ปุ่น มาดูเป็นแนวทางนะครับ

  • ภัยของสารกัมมันตรังสีนั้น ขึ้นอยู่กับว่า เราอยู่ใกล้ตัวจุดที่เกิดการระเบิดนั้นแค่ไหน ถ้าอยู่เกินรัศมี 30 กิโลเมตร ก็ไม่ต้องกลัวมากจนเกินไป / ถ้าอยู่ในรัศมี 30 กม. อาจได้รับพิษกัมมันตรังสีเข้มข้นแบบเฉียบพลัน มีอัตราเสียชีวิตประมาณ 50% (ที่รอดตาย ก็จะเป็นโรคมะเร็งได้) / ห่างออกไปจากรัศมี 30 กม. จากการระเบิด กัมมันตภาพรังสีจะลดลงไปตามระยะทางที่ห่างออกไป แต่ก็ยังมีพิษแบบเรื้อรัง

  • ถ้าอยู่ใกล้กับการระเบิด เราอาจเสียชีวิตจากความร้อน เปลวไฟ และแรงระเบิด ที่ทำลายผิวหนัง เนื้อเยื่อ และอวัยวะภายในได้ / รังสีขนาด 3-4 เกรย์ อาจทำให้ผิวหนังอักเสบ 2-3 สัปดาห์ / รังสีขนาด 100 เกรย์ ทำให้ผิวหนังเน่าเป็นตุ่มนํ้าใน 1-2 สัปดาห์ / หากได้รับรังสีขนาดมากกว่า 30 เกรย์ทั้งร่างกาย  อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต จากภาวะหัวใจล้มเหลวและระบบประสาทส่วนกลางถูกทำลาย ภายใน 24-72 ชั่วโมง

  • นอกจากจะได้รับรังสีขนาดสูง จนอาจเกิดอาการเป็นพิษเฉียบพลัน (acute radiation syndrome) แล้ว ยังอาจจะมีอาการแบบเรื้อรัง ค่อยเป็นค่อยไป เพราะได้รับรังสีในปริมาณไม่มาก แต่สามารถทำลายดีเอ็นเอ ทำให้เกิดจากกลายพันธุ์ของยีนและนำไปสู่โรคมะเร็ง

  • สารกัมมันตรังสีหลายชนิด อาจจะปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม อาหาร อากาศ และนํ้าในบริเวณใกล้เคียง ที่พบบ่อยคือสารกัมมันตรังสีของ ไอโอดีน และซีเซียม โดยเฉพาะซีเซียม 137 มีค่าครึ่งอายุมากกว่า 30 ปี

  • ถ้าเกิดสัมผัสสารกัมมันตรังสี ต้องล้างการปนเปื้อนร่างกาย ถอดเสื้อผ้าและเครื่องแต่งตัวทั้งหมด ใส่ในถุงที่ปลอดภัยปิดสนิท เพื่อการทำลายอย่างถูกต้อง อาบน้ำชำระล้างร่างกายทั้งหมดให้สะอาดด้วยน้ำเย็นและสบู่อ่อน ถ้ามีบาดแผลต้องชำระล้างให้สะอาด และปิดบาดแผลป้องกันไม่ให้สัมผัสกับสารรังสีอีก

  • ถ้าสูดอากาศ หรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารรังสี ให้ลดการดูดซึมของสารรังสีโดยการแทนที่ด้วยสารอื่นที่ปลอดภัยกว่า  เช่น ถ้าได้รับไอโอดีน-125 หรือ 131 อาจใช้ "ยา SSKI หรือโปแตสเซียมไอโอไดด์" ยับยั้งไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับกับไอโอดีนรังสี  (ปรกติแล้ว จะต้องกินก่อนที่จะได้รับรังสีเท่านั้น ถึงจะได้ผล)

  • แต่โปแตสเซียมไอโอไดด์ จะป้องกันสารกัมมันตรังสีได้แต่ชนิดไอโอดีนเท่านั้น ป้องกันสารกัมมันตรังสีชนิดอื่น อย่างเช่น ซีเซียม-137, ซีเซียม-134 ฯลฯ  ไม่ได้ (และห้ามหาซื้อยามากินเองด้วย เพราะมีความเข้มข้นของไอโอดีนสูงมาก ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา จะมีผลต่อหัวใจและถึงตายได้)

  • การนำ "เบตาดีน" มาทาคอหรือผิวหนังเพื่อป้องกันรังสีนั้น เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องทำ

  • ถ้ามีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร อาจต้องให้น้ำเกลือทดแทน และให้ยาแก้อาเจียน / ถ้าเป็นแผลในกระเพาะอาหาร ต้องให้ยาลดกรด หรืองดอาหารทางปากชั่วคราว  / ถ้าเป็นมาก ต้องเฝ้าระวังภาวะเม็ดเลือดต่ำจากรังสี / ถ้าเม็ดเลือดขาวต่ำ จะติดเชื้อง่าย อาจฉีดยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว / ถ้าโลหิตจาง ต้องบำบัดอาการและพิจารณาให้ยาเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดง หรืออาจต้องให้เลือด

  • การบำบัดรักษาพิษจากรังสีนั้น จริงๆ แล้ว ได้ผลไม่ดีนัก การหลีกเลี่ยงสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันภัยจากกัมมันตภาพรังสี

  • ใช้เครื่องมือตรวจสารกัมมันตรังสี เช่น ตรวจด้วยเครื่องไกเกอร์เคาน์เตอร์ ซึ่งเป็นกล่องมีเข็มวัด และมีกระบอกจี้ไปใกล้บริเวณที่สงสัยเพื่อตรวจสอบ / หรืออาจใช้แผ่นฟิล์มตรวจอย่างง่ายๆ ถ้ามีรังสี ฟิล์มจะเปลี่ยนเป็นสีดำ / รวมไปถึงการใช้เครื่องมือที่เปลี่ยนสี หรือเรืองแสง เวลามีรังสี

ประเด็นที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ การติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนภัยให้ทันท่วงที ว่าจะมีสารกัมมันตภาพรังสีเดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยเราหรือไม่

ขอแถมด้วยแนวทางสำหรับการเตรียมตัวเรื่อง "หลุมหลบภัยใต้ดิน" ถ้าใครสามารถทำได้ทัน ก่อนที่จะเกิดสงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ขึ้น และไทยเราอยู่ในรัศมีของสงครามด้วยจริงๆ

 

5 ข้อที่ควรเตรียมถ้ามีแนวโน้มจะเกิดสงครามนิวเคลียร์

 

  1.  เตรียมหลุมหลบภัยใต้ดิน : โอกาสรอดเดียวเมื่อเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้น คือ การหลบไปอยู่ในหลุมหลบภัยใต้ดิน ซึ่งควรเตรียมสะสมเสบียงอาหารไว้ด้วย


  2. เตรียมเสบียงอาหารให้พร้อม : ควรเตรียมอาหารแห้งที่ให้คาร์โบไฮเดรตสูง เช่น พวกข้าว ถั่วทุกชนิด นมผง น้ำผึ้ง ผลไม้และผักอบแห้ง


  3. น้ำดื่ม : แหล่งน้ำจืดบนพื้นโลกจะปนเปื้อนไปด้วยกัมมันตรังสี จึงควรกักตุนน้ำจืดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ไว้ที่หลุมหลบภัย ปิดให้สนิทเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารรังสี


  4. อุปกรณ์ช่วยชีวิต : ไม่ควรลืมยารักษาโรค ไฟฉาย เทปกาว ถุงดำ มีด ไฟแช็ค และหน้ากากกันแก๊สพิษ


  5. ติดตามข่าวสารต่างๆ : มีอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารแบบง่ายๆ (เช่น วิทยุสื่อสาร แบตเตอรี่สำรอง) ที่ทำให้สามารถติดตามข่าวสารจากทางการได้



ข้อมูลจาก https://www.thairath.co.th/content/160823  และ  https://www.thairath.co.th/content/159623 และ https://www.springnews.co.th/news/110193

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

 

กดเลย >> community แห่งความบันเทิง

ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง