รีเซต

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหิมหนัก แต่งชุดตร.วิดีโอคอล สาวแม่ค้าหลงเชื่อโอนไป1.7ล้าน จนหมดตัว

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหิมหนัก แต่งชุดตร.วิดีโอคอล สาวแม่ค้าหลงเชื่อโอนไป1.7ล้าน จนหมดตัว
ข่าวสด
22 มกราคม 2565 ( 15:28 )
269

ข่าววันนี้ 22 ม.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.สงขลา มีหญิงสาวแม่ค้าขายเครื่องสำอางรายหนึ่ง ทราบชื่อคือ น.ส.เชอรี่ อายุ 39 ปี เป็นชาว ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินจนหมดเกลี้ยงบัญชี จำนวน 1,735,081.45 บาท ซึ่งเป็นเงินที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต

 

น.ส.เชอรี่ กล่าวว่า วานนี้ เมื่อเวลา 09.00 น.ขณะที่ตนนอนพักอยู่ที่บ้าน จู่ๆมีเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 044004756 โทรเข้ามาเป็นเสียงของผู้หญิงบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัตรเครดิตของธนาคารแห่งหนึ่ง แจ้งว่ามีการปลอมแปลงเอกสารของตนไปทำบัตรเครดิต และมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่เกี่ยวกับยาเสพติดด้วย โดยเปิดบัญชีกับธนาคารดังกล่าวสาขาจ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 ต.ค. และรูดบัตรเครดิตซื้อทองที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ จ.ขอนแก่น

 

 

ซึ่งตนได้ตอบปฏิเสธไปว่าไม่เคยไปเปิดบัญชีและไม่มีบัตรเครดิตของธนาคาร และไม่เคยไป จ.ขอนแก่น ผู้หญิงในสายที่โทรมาได้อ้างว่า ต้องส่งเรื่องให้ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อตรวจสอบเงินในบัญชีทุกบัญชี พร้อมกับขอไอดีไลน์ จากนั้นมีสายโทรเข้ามาทางวิดีโอคอลทางไลน์ ปรากฏเป็นภาพชายแต่งชุดตำรวจ ขอตรวจสอบประวัติขอตรวจสอบเงินในบัญชีขอหมายเลขบัตรประชาชน เพราะเป็นคดีใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากยาเสพติด โดยมีชื่อตนเป็นคนเปิดบัญชี

 

ขณะคุยกันมีเสียงวิทยุสื่อสารของตำรวจดังตลอดและมีเสียงการรายงานผลการตรวจสอบประวัติของตนโดยอ้างว่าถูกศาลจังหวัดขอนแก่นออกหมายจับในคดีฟอกเงิน และส่งลิงค์ให้ตนเข้าไปเปิดดูในเว็บปรากฏว่าตนมีหมายจับของศาล จ.ขอนแก่นจริง ซึ่งถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565 กระทำผิดฐานสมคมกันฟอกเงินและสมคบกับผู้อื่นกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

 

 

น.ส.เชอรี่ กล่าวต่อว่า เมื่อตนเห็นหมายจับของศาลจึงเริ่มหลงเชื่อ โดยชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจบอกว่าให้ตนรวบรวมเงินจากบัญชีธนาคารโอนไปยังบัญชีของธนาคารอีกแห่งเพียงบัญชีเดียว และให้โอนเงินเข้าบัญชี นายวิไล นุชชาติ เพื่อให้ตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งใช้เวลาตรวจสอบ 2 ชั่วโมงหากเป็นเงินที่ได้มาถูกต้องจะโอนกลับมาให้ พร้อมกับขอเลขบัญชีตนเอาไว้ และตอนโอนให้ระบุว่าโอนเพื่อตรวจสอบบัญชีของกลาง

 

ด้วยความที่เชื่อว่าตัวเองบริสุทธิ์และเงินที่ได้มาทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินที่ถูกต้องจากการค้าขายเครื่องสำอางค์ และขณะวิดีโอคอลเห็นชายสวมเครื่องแบบตำรวจและมีการแสดงหมายจับของศาลชัดเจนด้วย จากนั้นตนได้โอนเงินไปให้3ครั้ง ครั้งแรกกับครั้งที่สองโอนไป 699,999 บาทเท่ากัน ครั้งที่สามโอนไป 33,583บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,735,081 บาท และเงินในบัญชีหมดเกลี้ยงเป็นศูนย์ทุกบัญชีซ้ำร้ายยังถูกขู่ว่าจะต้องโอนเงินให้อีก 500,000 บาท ภายใน 2 ชั่วโมงเพื่อประกันตัวอีก

 

น.ส.เชอรี่ กล่าวอีกว่า หลังจากที่โอนเงินเสร็จ เริ่มรู้ตัวว่าน่าจะถูกหลอกเพราะบัญชีที่โอนไปเป็นชื่อคนอื่นไม่ใช่ตำรวจหรือหน่วยงานของตำรวจ และพยายามยื้อเวลาพูดคุยกับคนที่อ้างว่าเป็นตำรวจเพื่อถามเรื่องเงินที่โอนไป แต่ได้รับคำตอบว่าต้องรอตรวจสอบอีก 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นถูกบล็อกและติดต่อไม่ได้อีกเลย จึงรีบเดินทางไปธนาคารที่ตนมีบัญชีอยู่แต่ไม่ทันเพราะต้องรอการตรวจสอบและดำเนินการอีกหลายขั้นตอน จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.คอหงส์

 

 

ตอนนี้ตนกลายเป็นคนหมดตัวไม่มีเงินเหลือแม้แต่บาทเดียว ทุกบัญชีเป็นศูนย์ และยอมรับว่าไม่เคยรู้ข่าวเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริงๆ เพราะแต่ละวันยุ่งกับงานไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารหรือโซเชียล เพราะต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียวซึ่งมีลูก3 คน และพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้พ่อก็ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย ตนอยากให้ตำรวจช่วยตามคดี แม้จะยากที่จะได้เงินคืน แต่อย่างน้อยก็เป็นอุทาหรณ์ให้คนอื่นไม่ต้องตกเป็นเหยื่อ และเป็นข้อมูลให้ตำรวจติดตามจับกุม

น.ส.เชอรี่ กล่าวต่ออีกว่า ตนจะระวังแล้ว เพราะมีแอพพลิเคชั้นหมายเลขเบอร์มิจฉาชีพที่การแชร์อยู่ในโทรศัพท์ แต่ระหว่างที่มีเบอร์โทร 0440047561 โทรเข้ามาหาได้ตรวจสอบแล้วแต่ไม่ขึ้นว่าเป็นเบอร์มิจฉาชีพ แต่มาขึ้นทีหลังว่าเป็นเบอร์มิจชีพตอนที่ตนได้โอนเงินและถูกตัดสายทิ้งไปแล้ว

รายงานข่าวระบุว่่ กรณีหมายจับที่กลุ่มมิจฉาชีพนำมาอ้างนั้น พบว่าเป็นหมายจับปลอมที่ทำขึ้นมา แต่ชื่อตำรวจมีอยู่จริงและเคสนี้นับว่าเป็นเคสแรกที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้วิธีการหลอกเหยื่อที่แนบเนียนมากทั้งวิดีโอคอลใส่ชุดตำรวจให้น่าเชื่อถือ และแสดงหมายจับให้ดูด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง