ACEกำไรมีแววทำสถิติ ลุ้นไฟฟ้าชุมชน150เมก
ทันหุ้น- ACE ของจริงโชว์ศักยภาพทำกำไรปกติ Q3 พุ่งอีก 60% นิวไฮ ผลปรับปรุงประสิทธิภาพ คุมต้นทุน ไตรมาส 4 มีโอกาสพุ่งทำสถิติต่อ หลังปรับปรุงโรงไฟฟ้า UWC ขณะที่โรงไฟฟ้าขยะกระบี่อาจเสร็จเร็วกว่ากำหนด แย้มเจรจาดีลซื้อโรงไฟฟ้าอีก ด้านนายกฯ นั่งหัวโต๊ะ กพช. เคาะเดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน 150 เมกะวัตต์แล้ว
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/63 ของบริษัทยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งรายได้จากการขายและบริการ กำไรสุทธิ รวมถึงกำไรสุทธิจากกิจกรรมปกติ ยังมีทิศทางที่ดี หลังจากช่วงไตรมาส 3/2563 บริษัทสามารถทำกำไรปกติได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงไตรมาส 4/2563 อาจมีผลประกอบการของโรงไฟฟ้าใหม่ๆ เข้ามาช่วยหนุนให้ผลประกอบการเติบโตมากยิ่งขึ้น ได้แก่ การรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้า ชีวมวล 3 โครงการที่ซื้อมาจากบริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC ซึ่งในส่วนของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่นครราชสีมาที่ปรับปรุงเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/2563 จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาส 4/2563 นอกจากนี้ยังจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 โครงการที่จังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งปรับปรุงใกล้แล้วเสร็จเข้ามาอีกด้วย
นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยแต่เดิมนั้นคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 1 ปี 2564 แต่ล่าสุดการก่อสร้างคืบหน้าไปกว่าแผนเดิมมาก จึงมีโอกาสที่จะ COD ได้ทันภายในปีนี้ ซึ่งถือเร็วกว่าแผนเดิม 1 ไตรมาส
@ ของแท้ผลงานดีต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 บริษัทมีกำไรสุทธิ 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 64% จากไตรมาส 2/63 ส่วนกำไรสุทธิจากกิจกรรมปกติ (Core Profit) อยู่ที่ 375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 2/2563 โดย Core Profit ที่เป็น New High ทำลายสถิติเดิมที่เพิ่งทำไว้เมื่อไตรมาสที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 354 ล้านบาท ทั้งๆที่บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 1,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาส 2/2563 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงและพัฒนาการบริหารจัดการการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า การซ่อมบำรุง และการควบคุมต้นทุนการผลิต ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล 1 โครงการ จากจำนวนโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 โครงการ ที่เพิ่งซื้อและรับโอนเข้ามา
สำหรับตัวเลขกำไรสุทธิงวด 9 เดือนของปีนี้ ACE ทำได้แล้วกว่า 1,254 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิของ ปี 2562 ทั้งปีอยู่ที่ 815 ล้านบาท ดังนั้นจึงประเมินว่าในปี 2563 นี้ กำไรสุทธิ ACE จะเติบโตอย่างโดดเด่นมาก
ทั้งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ACE ได้เข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 3 โครงการ จาก UWC โดยเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา 1 โครงการ และตั้งอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ 2 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 26.9 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 22.5 เมกะวัตต์ โดยช่วงไตรมาส 3/2563 ได้ปรับปรุงและเดินเครื่องโรงไฟฟ้านครราชสีมา แล้ว ส่วนโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 2 โครงการที่ซื้อมาพร้อมกัน คาดว่าน่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องจำหน่ายไฟฟ้าได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้
@ มีดีลซื้อกิจการต่อ
นายธนะชัย ระบุอีกว่า บริษัทยังมีดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าหลากหลายประเภททั้งในประเทศและต่างประเทศอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) และการเจรจา โดยจะพิจารณาความคุ้มค่าของการลงทุนเป็นหลักสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อซื้อมาแล้ว จะทำให้ผลประกอบการของ ACE เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว
ปัจจุบัน ACE มีโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว จำนวน 18 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 239.91 เมกะวัตต์ โดยในปี 2564 มีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็น 449.27 เมกะวัตต์ และมีเป้าหมายที่จะให้กำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ ในปี 2567
@นายกเคาะแล้วไฟฟ้าชุมชน
วานนี้ (16 พ.ย.) นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ได้เห็นชอบนโยบายสำคัญ หนึ่งในนั้นคือ การเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน ตามมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีเป้าหมาย 150 เมกะวัตต์ (ชีวมวล 75 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ 75 เมกะวัตต์ ) โดยใช้ชีวมวลและก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย ≤ 25 %) แบ่งเป็นชีวมวล มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ต่อโครงการ และก๊าซชีวภาพ ไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ต่อโครงการ มีกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (SCOD) ภายใน 36 เดือน นับถัดจากวันลงนามในสัญญาฯ ให้เปิดรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) แบบแข่งขันทางด้านราคา โดยให้ภาคเอกชนเป็นผู้เสนอโครงการ
รวมสิทธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต เกาะติดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทันเรื่องราวกระแสสังคม
สัมผัสประสบการณ์ข่าวได้ที่ แอปพลิเคชัน ทรูไอดี (ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!)