ACE เผยปี 67 เตรียมทยอย COD โรงไฟฟ้าหลายโครงการ หนุนรายได้แกร่งตั้งแต่ Q2
#ACE #ทันหุ้น-ACE เผยปี 67 เตรียม COD โรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มหลายโครงการ คาดทยอยรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มเสริมแกร่งตั้งแต่ประมาณไตรมาส 2 ปี 2567 เป็นต้นไป ขณะที่ผลประกอบการปี 66 มีรายได้รวม ,583 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,073 ล้านบาท
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานสะอาดของไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 นี้ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะเป็นปีที่ผลการดำเนินงานเริ่มกลับเข้าสู่วงจรการเติบโตรอบใหม่ เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่บริษัทฯ ชนะการประมูลและได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในช่วงที่ผ่านมา จะทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จจนสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มเติมให้แก่บริษัทฯ ได้ตั้งแต่ประมาณไตรมาส 2 ของปี 2567 เป็นต้นไป
โดยโครงการโรงไฟฟ้าที่คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จและทยอย COD ในช่วงปี 2567 – 2570 อาทิ โครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid คลองขลุง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 20 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน จํานวน 18 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 200 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเชียงหวาง จ.อุดรธานี และโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนโชคชัย จ.นครราชสีมา กำลังการผลิตติดตั้งรวม 18.9 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP จำนวน 8 โครงการ ที่ได้ PPA คืนมาจาก กฟภ. กำลังการผลิตติดตั้งรวม 79.2 เมกะวัตต์ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ACE ยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ด้านพลังงานสะอาดทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งสอดรับตามกลยุทธ์ธุรกิจในการตั้งเป้ามุ่งสู่การเป็น “ต้นแบบผู้นำด้านธุรกิจพลังงานสะอาดของโลก” ที่ยึดมั่นมาตลอด อันจะช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกจากภายในองค์กรไปสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
สำหรับผลดำเนินงานในปี 2566 ACE สามารถทำรายได้จากการขายและบริการรวม 6,583 ล้านบาท ลดลง 4.8% จากปี 2565 ที่ทำได้ 6,917 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ลดลงตามการปรับตัวลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นไปตามสูตรราคาค่าพลังงานไฟฟ้า ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,073 ล้านบาท ลดลง 209 ล้านบาท จากปี 2565 ที่ทำได้ 1,282 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาด รวมทั้งจากการที่มีกำไรสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2565 แต่มีผลขาดทุนสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2566
“ปี 2566 ที่ผ่านมาเป็นปีที่บริษัทฯ ไม่ได้มีการ COD โรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติมจากปี 2565 จึงทำให้ผลการดำเนินงานที่ออกมาไม่ได้เป็นตัวเลขที่เติบโตขึ้นจากปี 2565 แต่เมื่อพิจารณาผลงานในด้านประสิทธิภาพการเดินเครื่องจักรโรงไฟฟ้าและการควบคุมต้นทุนก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมาย"นายธนะชัย กล่าว