รีเซต

เปิดคำทำนายโลกถึงปี 2099 จากหมอดูสายเทคระดับโลก Ray Kurzweil

เปิดคำทำนายโลกถึงปี 2099 จากหมอดูสายเทคระดับโลก Ray Kurzweil
TNN ช่อง16
6 มิถุนายน 2565 ( 20:03 )
122
เปิดคำทำนายโลกถึงปี 2099 จากหมอดูสายเทคระดับโลก Ray Kurzweil


หากย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ไม่มีใครล่วงรู้ว่าโทรศัพท์มือถือจะสามารถทำอะไรได้มากมายเหมือนปัจจุบัน รวมถึงเทคโนโลยี AI ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของมนุษย์ แต่มีบุคคลหนึ่งที่สามารถทำนายการเกิดของเทคโนโลยีได้ตั้งแต่ในอดีต นั่นก็คือ  Ray Kurzweil (เรย์ เคิร์ซเวล) ซึ่งเขาถูกขนานนามว่านอสตราดสมุสแห่งวงการเทคโนโลยี โดยเคิร์ซเวลได้เผยแพร่คำทำนายของเขาผ่านหนังสือที่ชื่อว่า The Age of Intelligent Machines เมื่อปี 1990 ซึ่งจากคำนายทั้งหมด 145 เรื่อง เขาถูกต้องถึง 115 เรื่อง หรือคิดเป็นร้อยละ 86 ถือว่ามีความแม่นยำสูง จนบิลล์ เก็ต ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ ยังยกย่องว่าเป็นบุคคลที่มองอนาคตได้แม่นยำที่สุดในด้าน AI หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ 


Ray Kurzweil ได้เขียนหนังสือทำนายการเกิดของเทคโนโลยีในอนาคตไว้ด้วย วันนี้ tech reports จะมาเปิดคำทำนาย ว่าเทคโนโลยีที่เขาคาดการณ์ไว้จะเข้ามาเปลี่ยนโลกไปในรูปแบบไหน ผ่านการสัมภาษณ์พิเศษ ดร.รัฐภูมิ นักวิจัยศูนย์ทรัพยากรคอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณขั้นสูง สวทช.  หรือศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งสนใจศึกษาคำทำนายนี้และนำมาเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในวงกว้าง

หนังสือ The Age of Intelligent Machines

 

ทำไม Ray Kurzweil ถึงถูกขนานนามว่าเป็นหมอดูแห่งวงการเทค?

ดร.รัฐภูมิ เล่าประวัติของหมอดูสายเทคให้ฟังว่า "เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ที่อเมริกา ตอนนี้ตำแหน่งปัจจุบันคือ ไปดูเรื่องเทคโนโลยีที่ Google เขาทำนายเทคโนโลยีมาตั้งแต่ปี 1990 จนถึงปัจจุบันถูกประมาณ 86% ทำนาย Search Engine, การมีขึ้นของ Google, ทำนายโทรศัพท์มือถือไร้สาย, ทำนายแว่น AR VR

ทำนายว่าเป๊ะ ๆ เลยนะ ภายในปี 1997 คอมพิวเตอร์จะเล่นชนะหมากรุกคน แล้วปี 1996 IBM ชนะ Gary Kasparov เป็นต้น พอมันถูกเยอะ ทำให้เขาก็จะได้สมญานามว่าเขาเป็นนอสตราดามุสสายเทค พราะฉะนั้นคำทำนายของเขาในอนาคต ถึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แล้วในอีก 70-80 ปี จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง" 

คอมพิวเตอร์เล่นหมากรุกชนะคน ในปี 1996

 

คำทำนายของ Ray Kurzweil ถึงความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ผ่านการบอกเล่าของ ดร.รัฐภูมิ มีดังนี้


ปี 2030 

- มี Nanobot หรือ หุ่นยนต์จิ๋ว ที่สามารถฉีดเข้าไปในร่างกายเพื่อรักษาโรคได้เกือบทุกโรค ซึ่งตอนนี้มีงานวิจัยที่พยายามทำหุ่นยนต์ในระดับนาโน แต่ยังคงไม่ถึงขั้นรักษาโรคได้ ทำได้เพียงแค่เข้าไปในเซลล์ หรือ Biological Organism ซึ่งเมื่อดูตามการพัฒนาเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีแล้ว มีความเป็นไปได้

- AI สามารถขับรถได้ เนื่องจากอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากคนขับมีจำนวนมาก หาก  AI หรือระบบขับรถอัตโนมัติแสดงให้เห็นได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุจำนวนน้อยกว่าคนขับหลายร้อยเท่า จะนำไปสู่การออกกฎหมายที่ไม่ต้องใช้คนขับ

- AI จะเก่งเท่าคน ซึ่งตอนนี้ AI ยังเก่งไม่เท่าคน แต่หาก AI พัฒนาจนเก่งเท่าคนแล้วจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น การเกิดของ AI Influencer ที่อาจมีการพัฒนาให้สามารถคิด หรือพูดได้เหมือนคน จนอาจทำให้คนตกงานก็เป็นไปได้


ปี 2040 

- โลกจริงกับโลกเสมือนจะผสานเป็นโลกเดียวกัน คือแยกกันไม่ออก ยกตัวอย่าง ขณะที่เรานอนอยู่ จากนั้นจะมีเครื่องที่ยิงสัญญาณเข้ามาในตัวเรา เมื่อเราแยกจริงกับจริงไม่ออก ทำให้เราไม่สามารถรู้ตัวตนของแต่ละคนในความเป็นจริงได้  

- มีระบบ cloud เพื่อเก็บความจำและความรู้สึกของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ในหนังซีรีส์เรื่อง Altered Carbon ซึ่งคนจะอัปโหลดความจำและความรู้สึกตรงนี้ขึ้นไปเก็บไว้บน Cloud ได้

- สมอง AI เก่งกว่าคน ในระดับที่เก่งกว่าคนล้านพัน ล้านเท่า ยกตัวอย่าง ตลาดหุ้นในอนาคตอาจจะขับเคลื่อนด้วย AI ทั้งหมด 


ปี 2045 

- มนุษย์เชื่อมต่อกับ AI ได้ ซึ่ง AI จะมีศักยภาพในการคำนวณได้ รวมถึงคนเราก็จะมีความเก่งได้เทียบเท่ากับ AI จนสามารถเชื่อมต่อกันได้ 

- Nanobots เข้ามาขับเคลื่อนโลก

- สร้างทุกอย่างได้ในระดับคาร์บอนด์ ยกตัวอย่าง ปัจจุบันนี้เราสามารถกรองน้ำได้จากอากาศในลักษณะเครื่องใหญ่ จะเกิดการพัฒนาให้เครื่องมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่เล็กลง และสามารถ Manipulate (เปลี่ยนแปลงให้เหมาะสม) ในระดับคาร์บอนได้ จะนำไปสู่การสร้างได้ทุกสิ่ง แม้กระทั่งบ้านหลังใหญ่ ๆ


ปี 2099 

- Nanobots พัฒนาไปจนถึงการสร้างดวงดาวได้

- มนุษย์จะไม่แก่ เพราะมีเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวล้ำไปมาก จนอาจจะไม่มีสรรพนาม ปู่ ย่า ลุง คนเราอาจจะหน้าหนุ่มสาวไม่เปลี่ยนแปลงก็สามารถเป็นไปได้


แต่จากคำทำนายทั้งหมดนี้ ดร.รัฐภูมิ อธิบายเพิ่มเติมเรื่องการเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ ว่าในช่วงแรก ๆ มนุษย์เราจะไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกคน 

"แต่ในความเป็นจริงต้องบอกก่อนว่าเทคโนโลยี Capability คือเทคโนโลยีทำได้ กับเทคโนโลยี Adoption ไม่เหมือนกัน คือมีให้ใช้ แต่คนที่เข้าถึงช่วงแรก ๆ อาจจะไม่ใช่คนทั่วไปคือเป็นเศรษฐี" 

ความเปลี่ยนของเทคโนโลยีจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น?

หลายคนมีความกังวลว่าหากเทคโนโลยีเหล่านี้มีเพียงคนรวยที่เข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เท่านั้น จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ดร.รัฐภูมิ ระบุว่า "ความเหลื่อมล้ำยังมีต่อไปในช่วงอันใกล้นี้ ในช่วงอันไกลก็ไม่แน่ เพราะว่าพอสุดท้ายแล้วพอทุกคนเปลี่ยนเป็น AI หมดแล้วอาจจะไม่มี เรายังมองว่าอารมณ์ความรู้สึกมันตัดได้ไหม ถ้าเกิดวันนึงเทคโนโลยีตัดอารมณ์ความรู้สึกได้ ก็ไม่ต้องรู้สึกเหลื่อมล้ำ"


ทำไมเราถึงควรสนใจคำทำนาเรื่องความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเหล่านี้? 

ดร.รัฐภูมิ เปิดเผยสาเหตุที่ออกมาบอกเล่าเรื่องราวว่า "คนจะพูดถึง Metaverse กันเยอะมากเลยเพราะเฟซบุ๊กก็ประกาศ แต่จริง ๆ แล้วเทคโนโลยีไม่ได้มีแค่ Metaverse ถ้าจากที่ผมศึกษามาจะเกิด Technology Convergence โลกจริงกับโลกเสมือนมาประกบกัน อันนี้คือจุดเริ่มต้นก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังว่า จากจุดแรกจนไปถึงจุดปลายมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุคนี้ เราจะได้รู้สึกว่ามีอะไรที่น่าติดตาม


เพราะฉะนั้นเราเชื่อไม่เชื่อ ไม่เป็นไร มันมีโอกาสเกิดได้ แต่ถ้าเรารู้ว่ามีโอกาสเกิดอย่างนี้ เราจะต้องปรับตัวยังไง เราต้องไปตามดูว่าของใหม่เป็นยังไง ปกติเวลาเทคโนโลยีใหม่มา แล้วมันเกิดขึ้นเนี่ย คนที่ตามติดเทคโนโลยีจะเป็นคนที่ได้ประโยชน์เสมอ คือเข้าไปลองเล่น เข้าไปลองดู เข้าไปรู้จัก เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างนี้นะ แล้วพอถึงจุดที่ควรจะเข้าเราก็เข้าไปด้วยความพร้อมแล้ว ระหว่างนี้ก็คือศึกษา สร้างสกิลสร้างคน


ฟังแล้วอาจจะตื่นเต้นใช่ไหมครับ สำหรับคนที่อยากกระโดดเข้าไปสิ่งอยากจะเตือนสติก็คือ อย่างที่บอกว่าก็ต้องทำด้วยความไม่ประมาท  คือนิสัยสิ่งที่ไม่เปลี่ยนหรือธรรมชาติของคนเรามีความ รัก โลภ โกรธ หลง เพราะฉะนั้นบางทีเราต้องเอาเหตุผลมามาคุมตรงนี้บ้าง เพื่อจะตัดสินใจแล้วก็ก้าวไปอย่างมั่นคง อย่างที่บอกว่ามีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา แต่อย่าพึ่งเข้าไป 100% แต่เข้าไปตามดู เรียนรู้ให้รู้ เพื่อที่วันหนึ่งเราคิดว่าเหมาะแล้วถึงจะเข้าไป"


โดยคำนายเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากหนังสือของเรย์ เคิร์ซเวล ที่ชื่อว่า The Age of Spiritual Machines ตีพิมพ์เมื่อปี 1999 และหนังสือที่ชื่อว่า The Singularity is Near ตีพิมพ์ในปี 2005 โดยเนื้อหาในหนังสือยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น Singularity หรือภาวะเอกฐานทางเทคโนโลยี เป็นจุดสมมุติในเวลาที่การเติบโตทางเทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้และไม่สามารถย้อนกลับได้ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงในอารยธรรมมนุษย์




The Age of Spiritual Machines ตีพิมพ์เมื่อปี 1999
The Age of Spiritual Machines ตีพิมพ์เมื่อปี 1999

 

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง