BTS ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์กลับมา 'กรุงศรี' แนะรอซื้อเก็งกำไรที่ 6.40 บ.

นอกจากนี้ การแจ้งข้อกล่าวหาของ ปปช. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่ศาลจะมีคำพิพากษาออกมาว่า BTS มีความผิดหรือไม่ ถึงแม้ฝ่ายวิจัยจะแนะนำซื้อ แต่แนะนำให้นักลงทุนรอซื้อ BTS ตอนที่ราคาตกลงมาสุดๆ

คำชี้แจงจากผู้บริหารเป็นเชิงบวกเล็กน้อย

BTS ส่งหนังสือชี้แจง SET กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร (อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร) รวมถึง BTS และผู้บริหารของบริษัท พร้อมทั้งจัด conferencecall กับนักวิเคราะห์ โดยคำชี้แจงของบริษัทมีสาระสำคัญดังนี้ 

i) ปปช. เพียงแต่แจ้ง ข้อกล่าวหาเท่านั้น ไม่ได้ส่งฟ้องเป็นคดี บริษัทมีสิทธิ์ที่จะคัดค้าน และแก้ข้อกล่าวหาตามกระบวนการของกฎหมายได้ ii) เมื่อปี 2550 กทม. ได้ขอความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการที่ กทม. จะว่าจ้างเอกชน (BTSC) เดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ว่าถือเป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือให้สิทธิสัมปทานใต้กฎหมายร่วมทุน (PPP) iii) การทำสัญญา O&M สายสีเขียวส่วนต่อขยายเคยถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ทำการสอบสวนไปแล้วเมื่อปี 2555 แต่หลังสรุปผลการสอบสวนในปี 2556 ทาง DSI และสำนักงานอัยการสูงสุดเห็นควรไม่ฟ้อง BTSC

การชี้แจงของ BTS ช่วยลดความกลัวของนักลงทุนแต่ยังเป็นประเด็นค้างคา โดยเชื่อว่าการชี้แจงของ BTS ช่วยคลายความกังวลของฝ่ายวิจัยและนักลงทุนในตลาดเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของ ปปช. ไปได้บางส่วน โดยเฉพาะในส่วนที่กล่าวถึงผลการสอบสวนของ DSI และสำนักงานอัยการสูงสุด 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าเรื่องนี้จะยังคงเป็นประเด็นค้างคาไปจนกว่า ปปช. จะยกเลิกข้อกล่าวหา หรือ ศาลไม่รับคำฟ้อง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะได้ข้อสรุป ทั้งนี้ บริษัทแจ้งว่าจะไม่ตั้งสำรองจากการแจ้งข้อกล่าวหานี้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาออกมา

ทั้งนี้ แม้จะแนะนำซื้อ แต่แนะนำให้รอซื้อที่ราคาในกรณีเลวร้ายที่สุด ไม่แนะนำให้นักลงทุนซื้อที่ราคานี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยคิดว่าประเด็นค้างคาจากข้อกล่าวหาของ ปปช. จะจำกัด upside ของราคาหุ้น คิดว่าระดับที่ควรเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรคือราคาในกรณีเลวร้ายที่สุดที่ประเมินเอาไว้ที่ 6.40 บาท หลังหักมูลค่าสัญญา O&M 3 บาท/หุ้นไปแล้ว