รีเซต

PTTEP โชว์กำไรปี 64 ที่ 3.89 หมื่นลบ.โต 68% ,จ่ายปันผลอีก 3 บาท/หุ้น

PTTEP โชว์กำไรปี 64 ที่ 3.89 หมื่นลบ.โต 68% ,จ่ายปันผลอีก 3 บาท/หุ้น
ทันหุ้น
27 มกราคม 2565 ( 18:34 )
156
PTTEP โชว์กำไรปี 64 ที่ 3.89 หมื่นลบ.โต 68% ,จ่ายปันผลอีก 3 บาท/หุ้น

ข่าววันนี้ #PTTEP #ทันหุ้น-บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ผลดำเนินงานปี 2564 มีกำไร 38,863.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 22,664.01 ล้านบาท 

 

 

สำหรับแนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2565 ได้คาดการณ์ปริมาณขายเฉลี่ยสำหรับไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 4.36 แสนบาร์เรลต่อวัน และทั้งปี 2565 อยู่ที่ 4.67 แสนบาร์เรลต่อวัน เติบโตจากปี 2564 จากการรับรู้ยอดขายเต็มปีเป็นปีแรกของโครงการมาเลเซีย แปลงเอช และโครงการโอมานแปลง 61 รวมถึงการเริ่มผลิตปิโตรเลียมของโครงการจี 1/61 และโครงการ แอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคช ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตในช่วงต้นปี 2565 ด้วย 

 

ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติในไตรมาส 1/65 คาดว่าอยู่ที่ราว 6.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ส่วนทั้งปี 2565 อยู่ที่ราว 5.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ซึ่งราคาน้ำมันดิบจะผันแปรตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลติภัณฑ์หลักของบริษัทนั้นมีโครงสร้างราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ำมันย้อนหลังประมาณ 6-24 เดือน

 

โดยราคาก๊าซจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เป็นผลจากการปรับราคาย้อนหลังของราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งได้สะท้อนช่วงราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมาก และได้มีการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน ณ สิ้นปี 2564 มีปริมาณน้ำมันภายใต้สัญญาประกันความเสี่ยงสำหรับปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 15 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการปรับแผนการประกันความเสี่ยงราคาตามความเหมาะสม 

 

ส่วนต้นทุนในไตรมาส 1/65 และตลอดทั้งปี 2565 คาดว่าอยู่ที่ราว 27-28 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจากปีก่อนหน้าจากการบริหารจัดการต้นทุนและการรับรู้ยอดขายเต็มปีเป็นปีแรกของโครงการมาเลเซีย แปลงเอซและโครงการโอมาน แปลง 61 รวมถึงการเริ่มผลิตของโครงการจี 1/61 และจี 2/61 ซึ่งโครงการทั้งหมดมีต้นทุนต่อหน่วยค่อนข้างต่ำ 

 

และ EBITDA margin ในปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ราว 70-75% ของรายได้จากการขาย 

 

 

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในปี 2564 มีกำไรสุทธิในปี 2564 ที่ 1,211 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 38,864 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 68 จากปี 2563 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 720 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 22,664 ล้านบาท) ทั้งนี้ บริษัทยังคงสามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ที่ 28.52 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา ที่ร้อยละ 73 ซึ่งเป็นไปตามที่เป้าหมายที่วางไว้ 

 

ด้านผลการดำเนินงาน ปตท.สผ. ประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมทุนในโครงการโอมาน แปลง 61 ซึ่งเป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ของประเทศโอมาน รวมถึงการเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการมาเลเซีย แปลงเอช ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณขายให้กับบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 416,141 

 

บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับ 354,052 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันของปีก่อน ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในปี 2654 ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น  ส่งผลให้ในปี 2564 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 7,314 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 234,631  ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากปี 2563 ซึ่งมีรายได้รวม 5,357 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 167,418 ล้านบาท) 

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-recurring items) โดยหลักมาจากการตั้งด้อยค่าของสินทรัพย์ (Impairment) ในโครงการโครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 จากการปรับแผนการพัฒนา เนื่องจากความไม่สงบภายในประเทศโมซัมบิก รวมถึง ผลขาดทุนจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน

 

“ความสำเร็จในการดำเนินงานของ ปตท.สผ. ปี 2564 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งในมาเลเซีย และภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมาย และยังคงส่งผลต่อเนื่องมาถึงปีนี้ด้วย สำหรับแผนงานหลักในปี 2565 นี้ ปตท.สผ. จะให้ความสำคัญกับกระบวนการเปลี่ยนผ่านการดำเนินการในแปลงจี 1/61 หรือแหล่งเอราวัณ ซึ่งบริษัทจะเข้าเป็นผู้ดำเนินการ (Operator) ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้การผลิตก๊าซฯ ให้กับประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเมื่อเข้าไปเป็นผู้ดำเนินการแล้ว บริษัทจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อทำให้อัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้น เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับความต้องการใช้ก๊าซฯ ของประเทศไทย  สำหรับแผนงานในต่างประเทศ ปตท.สผ.คาดว่าจะเริ่มการผลิตครั้งแรกในโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ได้ในเร็ว ๆ นี้ รวมทั้ง จะเร่งพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมต่าง ๆ ที่บริษัทสำรวจพบในประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และนำไปกักเก็บในอ่าวไทย (Carbon Capture Storage – CCS) ตามนโยบายที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำในอนาคต” นายมนตรี กล่าว 

 

**อนุมัติจ่ายปันผลอีก  3  บาทต่อหุ้น  

 

จากผลประกอบการข้างต้น คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 อนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผล สำหรับปี 2564 ที่ 5 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้จ่ายสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้วในอัตรา 2 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564  ส่วนที่เหลืออีก 3 บาทต่อหุ้น จะกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 และจะจ่ายในวันที่ 18 เมษายน 2565 ภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2565 แล้ว  

 

**ปรับแผนกลยุทธ์ มุ่งสู่คาร์บอนต่ำ

 

นายมนตรี กล่าวต่อว่า ในช่วงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปยังพลังงานสะอาดนั้น ปตท.สผ. ได้เตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว เพื่อจะมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริมให้เกิดพลังงานสะอาดมากขึ้น เช่น การศึกษาความเป็นไปได้ของการนำเทคโนโลยีการดักจับ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage – CCS) เข้ามาใช้ในแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย รวมทั้ง พลังงานรูปแบบใหม่ในอนาคต (Future Energy) ซึ่งการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ดังกล่าวนี้ จะช่วยให้ ปตท.สผ. สามารถดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างการเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ ปตท.สผ.ในอนาคต 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง