ถอดบทเรียน "เสี่ยเต่าบิน" เปิดกลวิธี! มิจฉาชีพดูดเงินสูญครึ่งล้าน!
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น การหลอกลวงบนโลกออนไลน์ก็ทวีความซับซ้อน และมีรูปแบบที่หลากหลายยิ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว ไม่ว่าจะเป็นการปลอมตัวเป็นผู้ให้บริการ เว็บไซต์เลียนแบบ หรือการสวมรอยเพื่อนหรือคนรัก เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อและมอบเงินให้ในที่สุด ด้วยกลโกงที่แยบยลขึ้น บวกกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า จึงไม่แปลกที่จะมีผู้ตกเป็นเหยื่ออยู่เป็นระยะๆ
Romance Scam สานสัมพันธ์ สู่กับดักออนไลน์โลกเสมือน
เรื่องราวของ "เสี่ยเต่าบิน" เจ้าของธุรกิจร้านเซียงกงและอู่รถสิบล้อ ซึ่งตกหลุมรักสาวออนไลน์ที่พบผ่านกลุ่ม "หาคนรับเลี้ยง" แม้สาวคนดังกล่าวจะมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่นการดูแต่ภาพยนตร์สืบสวนสอบสวน หรือหนังแนวโจรกรรม
หลังทั้งคู่นัดเจอกันครั้งแรกที่จังหวัดกาญจนบุรี ผ่านไปได้ไม่นาน สาวปริศนาก็ติดต่อกลับมาอีกครั้ง และถูกเสี่ยพาไปพักผ่อนที่พูลวิลล่าหรู ทว่าตื่นมาอีกที เสี่ยกลับพบว่าสาวคนดังกล่าวได้จากไปแล้ว พร้อมๆ กับการตัดยอดเงินผ่านบัตรเครดิตไปกว่า 500,000 บาท (เสี่ยเต่าบิน, สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส, 11 พ.ค. 2566)
ล่าสุดแม้สาวปริศนาคนนี้จะออกมายอมรับผิด และบอกว่าทำไปเพื่อความอยู่รอด แต่การหลอกลวงแบบนี้ก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของขบวนการใหญ่ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาเหยื่อในโลกออนไลน์ด้วยกลโกงสารพัด
เจาะช่องโหว่ระบบธนาคาร สัญญาณเตือนภัยที่ต้องระวัง
กลโกงของแก๊งมิจฉาชีพในกรณี "เสี่ยเต่าบิน" นั้น นายธนานนท์ ปฏิญญาศักดิกุล หรือ "นายอาร์ม" อินฟลูเอนเซอร์ไอทีชื่อดัง และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ AI ได้วิเคราะห์ให้ฟังว่า กรณีน่าจะใช้ช่องโหว่ระบบ Overdraft Protection ของธนาคาร (ระบบของธนาคาร ที่ผูกบัตรเครดิตเข้ากับบัญชีเงินฝาก) ซึ่งหากบัตรเครดิตถูกใช้เกินวงเงิน ธนาคารจะตัดเงินจากบัญชีที่ผูกไว้ชำระแบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องให้เจ้าของบัตรยืนยันอีก ถือเป็นสัญญาณเตือนที่เจ้าของบัญชีต้องระวังเป็นพิเศษ
"ปลากระเบน" เครื่องมือวิทยาการสูงของแก๊งต้มตุ๋น
ที่น่ากังวลไปกว่านั้นคือ ในปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพยังนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง "เครื่องปลากระเบน" (False Base Station) มาใช้ในการก่อเหตุ โดยอุปกรณ์นี้สามารถเลียนแบบสัญญาณมือถือ และส่ง SMS หลอกลวงถึงเบอร์เป้าหมายในรัศมีหลายร้อยเมตร หากเหยื่อกดลิงก์ปลอม ก็จะติดตั้งมัลแวร์ และถูกขโมยข้อมูลรวมถึงเงินในบัญชีไปอย่างง่ายดาย
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) เปิดเผยว่า เพิ่งมีการจับกุมชาวฮ่องกง 2 รายได้ที่ห้างดังย่านปทุมวัน พร้อมของกลางเครื่องปลากระเบน 1 ชุด ซึ่งเดิมทีเครื่องนี้ถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในกรณีสืบสวนลับ หรือแจ้งเตือนประชาชนยามฉุกเฉิน แต่กลับตกไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพ และถูกนำมาดัดแปลงเพื่อการโกงในที่สุด
สถิติสะท้อนภัยจากมิจฉาชีพออนไลน์ ต้องเร่งแก้ไขและป้องกัน
หากมองภาพรวม จากตัวเลขของศูนย์บริหารรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าในช่วง 1 ปี 11 เดือน (มี.ค.65 - ม.ค.67) มีคดีโรแมนซ์สแกมหรือการหลอกลวงทางความรักถึง 3,323 คดี มีมูลค่าความเสียหายกว่า 1,154 ล้านบาท โดยเฉลี่ยแล้วคดีละประมาณ 3 แสนบาท
ในช่วง 3 เดือน (มี.ค. - พ.ค.66) อย่างเดียว ก็มียอดแจ้งความคดีหลอกลวงออนไลน์ผ่านระบบสูงถึง 175 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าตัวเลขจริงน่าจะมากกว่านี้ เพราะผู้เสียหายหลายรายอาจไม่ได้แจ้งความเพราะอับอาย หรือคิดว่าจบเรื่องแล้ว ทำให้สถานการณ์อาจรุนแรงมากกว่าที่ตัวเลขสะท้อน
เสี่ยเต่าบิน ตกเป็นเหยื่อโรแมนซ์สแกม หรือกลลวงออนไลน์แบบไหนกันแน่?
จากรายละเอียดของคดี การที่ "เสี่ยเต่าบิน" ถูกผู้หญิงที่รู้จักผ่านโลกออนไลน์แอบใช้ข้อมูลบัตรเครดิตไปเป็นเงินกว่าครึ่งล้านบาทนั้น สันนิษฐานได้ว่าเข้าข่ายการตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพในรูปแบบ "Romance Scam" หรือ "หลอกลวงจากความสัมพันธ์"
กล่าวคือ คนร้ายจะเข้ามาพูดคุย ทำความรู้จัก สานสัมพันธ์กับเหยื่อผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายไว้ใจ แล้วจึงหาโอกาสฉกฉวยทรัพย์สินในภายหลัง ซึ่งในกรณีนี้คาดว่าคนร้ายน่าจะแอบจดจำหรือถ่ายภาพบัตรเครดิต ก่อนนำไปใช้กับระบบ Overdraft Protection ของธนาคารที่จะตัดเงินจากบัญชีอัตโนมัติ หากมียอดใช้จ่ายเกินวงเงินในบัตร
อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลากหลายรูปแบบของการหลอกลวงออนไลน์เท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วยังมีกลโกงอีกสารพัดที่มิจฉาชีพนิยมใช้กัน ทั้งการปลอมเป็นธนาคารส่งอีเมลขอข้อมูลส่วนตัว การสร้างเว็บไซต์ปลอมเพื่อล่อให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต หรือแม้กระทั่งการโทรศัพท์หลอกอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อให้โอนเงิน ซึ่งล้วนอาศัยจุดอ่อนของเหยื่อและความไม่รู้ทันเป็นเครื่องมือทั้งสิ้น
สรุป:
แม้เทคโนโลยีจะอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ก็ยังมีด้านมืดที่ทำให้คนบางกลุ่มหลงผิดและใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
ดังนั้น เราทุกคนจึงต้องรู้เท่าทัน ไม่หลงเชื่อคำชวนต่างๆ โดยไม่ทันคิด โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ การตรวจสอบให้แน่ใจ ก็เป็นภูมิคุ้มกันสำคัญในการป้องกันตัวเอง ส่วนภาครัฐและผู้ให้บริการก็ต้องเร่งหาทางอุดช่องโหว่ ปรับปรุงระบบ พัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยี เพื่อลดความเสี่ยง และสกัดกั้นมิจฉาชีพให้ได้มากที่สุด มิเช่นนั้นเราอาจจะเห็นคดีแบบ เสี่ยเต่าบิน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แหล่งที่มาของข้อมูล:
คำสัมภาษณ์ของเสี่ยเต่าบินในรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2566
ข้อมูลจากนายธนานนท์ ปฏิญญาศักดิกุล (นายอาร์ม) อินฟลูเอนเซอร์ไอทีชื่อดัง และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ AI
ข้อมูลสถิติจาก พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.)
สถิติจากศูนย์บริหารรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เรียบเรียง : ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ TNN
ภาพ : Getty Images / สำนักงานตำรวจแห่งชาติ / พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา /
PDPC หรือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)