ศปอส.ตร เผยแก๊งคอลเซ็นเตอร์แผ่วหลังปิดด่าน - ตัดสัญญาณชายแดนกัมพูชา

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) เผยสถานการณ์คอลเซ็นเตอร์ล่าสุด พบแนวโน้มลดลงหลังไทยใช้มาตรการเข้มปิดด่านชายแดนและตัดระบบโทรคมนาคมบริเวณชายแดนกัมพูชา พร้อมเตรียมเอาผิดฐานปฏิบัติการใหญ่ในปอยเปต ขยายผลถึงทุนเทา

คอลเซ็นเตอร์ลดลงจริง หลังปิดด่าน – ตัดเน็ตชายแดน

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ภายหลังมีการสกัดกั้นทางภาคพื้นในพื้นที่ชายแดนและการตัดระบบโทรคมนาคมบางจุด ส่งผลให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่สามารถใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตหลอกลวงได้สะดวกเหมือนก่อน พบว่าสัญญาณจากฝั่งกัมพูชามีปัญหาบ่อยครั้ง ทำให้การโทรเข้ามาหลอกลวงลดลงอย่างชัดเจน

ลุยดำเนินคดีตึกต้องสงสัยในปอยเปต

ตำรวจเตรียมดำเนินคดีเอาผิดเจ้าของตึก 25 ชั้น และ 18 ชั้น ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งพบว่าเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เบื้องต้นอยู่ระหว่างการขยายผลทางกฎหมาย และตรวจสอบความเกี่ยวข้องของผู้มีส่วนร่วมในทั้งสองอาคาร

ยังขาดความร่วมมือจากกัมพูชา – ใช้เวทีระหว่างประเทศกดดัน

แม้ปัจจุบัน ไทยและกัมพูชาจะเป็นสมาชิกของ UNODC และ INTERPOL ซึ่งมีพันธกรณีร่วมด้านการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ไทยยังไม่ได้รับความร่วมมือที่ชัดเจนจากฝั่งกัมพูชา แม้ในช่วงที่สถานการณ์ชายแดนตึงเครียดจะไม่มีการติดต่อหรือประสานข้อมูลใด ๆ อย่างไรก็ตาม ตำรวจไทยเตรียมใช้กลไกระหว่างประเทศบังคับใช้กฎหมายผ่านองค์กรเหล่านี้

เชื่อมโยงกลุ่มทุน “ฮุยวัน กรุ๊ป” – ยังต้องหาหลักฐานเพิ่ม

ตำรวจไทยมีข้อมูลเบื้องต้นว่า กลุ่มทุน “ฮุยวัน กรุ๊ป” มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา และมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอในการดำเนินคดี จำเป็นต้องแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนที่กลุ่มดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียนหรือดำเนินการใด ๆ ภายในประเทศไทย

สหรัฐร่วมวง – เตรียมแชร์ข้อมูลเส้นทางเงิน

พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า หลังเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เข้าพบนายกรัฐมนตรี รัฐบาลไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับสหรัฐในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งในแง่การขอข้อมูลเส้นทางการเงิน เครือข่ายบุคคล และการจับตาการเดินทางเข้าออกประเทศโดยเฉพาะบริเวณชายแดนที่มีปัญหา รวมถึงผู้ที่มีหมายจับระหว่างประเทศ