‘บีทีเอส’ เดินหน้าทดสอบ รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู-เหลือง เตรียมเปิดให้บริการ ปี’65
3 ธันวาคม ที่โรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง ถนนศรีนครินทร์ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทบีทีเอส นำเยี่ยมชมการทดสอบเดินรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง จากโรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าโมโนเรลฯ ถึงสถานีศรีนุช (YL13) พร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้บริหาร นำโดย นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด หรือ NBM และบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด หรือ EBM ร่วมด้วยคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทบีทีเอส ผู้บริหารจากบริษัท ซิโน-ไทยเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) และผู้บริหารจากบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมทดสอบการเดินรถ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการภายในปี 2565
นายสุรพงษ์กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังการทดสอบรถไฟฟ้าโมโนเรลว่า ภายในปี 2565 โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลทั้ง 2 สาย ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร (กม.) จำนวน 23 สถานี และโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. จำนวน 30 สถานี จะพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว บริษัทจึงทำการทดสอบการเดินรถ รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง ทั้งด้านระบบการควบคุมรถไฟฟ้า และระบบอาณัติสัญญาณ เบื้องต้นการทดสอบยังไม่พบข้อบกพร่องใดๆ
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพูนั้น บริษัทได้มีการทดสอบการเดินรถไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวน 1 สถานี เริ่มจากโรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าโมโนเรล ถึงสถานีมีนบุรี (PK30) เป็นการทดสอบเดินรถแบบไป-กลับ จากผลการทดสอบเดินรถยังไม่พบข้อบกพร่องใดๆ เช่นกัน โดยหลังจากนี้บริษัทจะทยอยทดสอบเดินรถเป็นช่วงๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานทุกระบบสอดคล้องกัน มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย
ด้านความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง ภาพรวมคืบหน้า 86% งานโยธา 88% และงานระบบรถไฟฟ้า 83% ในส่วนของโรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง ได้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีรางซ่อมบำรุง (Maintenance track) จำนวน 6 ราง รางจอดรถไฟฟ้า (Stabling) จำนวน 9 ราง พร้อมทั้งมีรางทดสอบ (Test track) สำหรับให้รถไฟฟ้าใช้วิ่งทดสอบจำนวน 1 ราง และติดตั้งเครื่องล้างรถอัตโนมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู ขณะนี้ภาพรวมคืบหน้าแล้ว 82% งานโยธา 83% และงานระบบรถไฟฟ้า 80% โรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู ได้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีรางซ่อมบำรุง (Maintenance track) จำนวน 7 ราง รางจอดรถไฟฟ้า (Stabling) จำนวน 10 ราง พร้อมทั้งมีรางทดสอบ (Test track) สำหรับให้รถไฟฟ้าใช้วิ่งทดสอบจำนวน 1 ราง
สำหรับความพร้อมของสถานีรถไฟฟ้าโมโนเรลทั้ง 2 สาย ได้มีการติดตั้งลิฟต์ บันไดเลื่อนจากชั้นจำหน่ายตั๋วไปยังชั้นชานชาลาแล้ว และกำลังทยอยติดตั้งระบบประตูกั้นชานชาลา (Platform Screen Door System) และประตูกั้นระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC Gate) ทั้งนี้ ในส่วนของบันไดทางขึ้นสถานี ทางเดิน Walkway บันไดเลื่อน และลิฟต์โดยสาร จากชั้นพื้นถนน กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างและติดตั้งเช่นกัน
นายสุรพงษ์กล่าวว่า การเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าโมโนเรลทั้ง 2 สาย บริษัทมีแผนจะทำการทยอยเปิดเป็นช่วงๆ ตามลำดับ ดังนี้
รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง
ช่วงที่1 สถานีภาวนา (YL02)-สถานีสำโรง (YL23)
ช่วงที่ 2 สถานีลาดพร้าว (YL01)
รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู
ช่วงที่ 1 สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (PK12)-สถานีมีนบุรี (PK30) ยกเว้นสถานีนพรัตนราชธานี (PK26)
ช่วงที่ 2 สถานีชลประทาน (PK05)-สถานีแจ้งวัฒนะ14 (PK11)
และสถานีนพรัตนราชธานี
ช่วงที่ 3 สถานีแคราย (PK02)-สถานีศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี (PK01)
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการส่งมอบขบวนรถ ขณะนี้บริษัทได้รับมอบขบวนรถแล้วทั้งหมด 33 ขบวน 132 ตู้ แบ่งเป็น สายสีเหลือง 20 ขบวน 80 ตู้ และสายสีชมพู 13 ขบวน 52 ตู้ ซึ่งคาดว่าขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองจะได้รับมอบครบทั้งหมด 30 ขบวน 120 ตู้ ภายในเดือนเมษายน 2565 และขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสายสีชมพู จะได้รับมอบครบทั้งหมด 42 ขบวน 168 ตู้ ภายในเดือน มิถุนายน 2565
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า ด้านความพร้อมของพนักงาน ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเปิดรับพนักงานประจำสถานีแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี เนื่องจากเป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลสายใหม่ และสายแรกของประเทศไทย ทางบริษัทจึงต้องมีการฝึกอบรมพนักงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการต่อไป อย่างไรก็ตาม รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองและสายสีชมพู ทั้ง 2 สาย นับเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทที่ได้รับโอกาสในการขับเคลื่อนการให้บริการที่มีคุณภาพ เพื่อยกระดับการเดินทางของผู้โดยสารในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้ดียิ่งขึ้น