พลังขาสามารถทำนายสุขภาพสมองได้ ขาแข็งแรงเท่ากับสมองเสื่อมช้า งานวิจัยเผย

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจลอนดอน (King’s College London) เปิดเผยผลงานวิจัยที่น่าทึ่งว่า “พลังขา” (leg power) สามารถทำนายสุขภาพสมองในระยะยาวได้ โดยผู้ที่มี พลังขาเริ่มต้นสูงกว่า มีการเสื่อมของสมอง (cognitive decline) ช้ากว่าผู้ที่มีกำลังขาต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ความเชื่อมโยงคือกล้ามเนื้อขาเป็นกล้ามเนื้อใหญ่ที่สุดในร่างกาย และมีบทบาทในการสูบฉีดเลือดกลับสู่หัวใจและสมอง เมื่อกล้ามเนื้อขาทำงานได้ดี สมองจะได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น
ทีมวิจัยนำโดย ดร.แคลร์ สตีฟส์ (Dr. Claire Steves) จาก King’s College London และสถาบันฝาแฝดแห่งสหราชอาณาจักร (TwinsUK registry) ได้ติดตามผู้หญิงฝาแฝดจำนวน 324 คน อายุระหว่าง 43–73 ปี เป็นเวลา 10 ปี
นักวิจัยต้องการหาคำตอบว่า “ความแข็งแรงของขา” มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสมองและความสามารถทางสติปัญญาเมื่ออายุมากขึ้นหรือไม่
นักวิจัยวัด “พลังขา” อย่างไร?
การวัดพลังขาไม่ได้ใช้แค่การวัดกล้ามเนื้อ แต่เป็นการวัด “กำลังเฉลี่ยสูงสุดต่อหน่วยเวลา” หรือที่เรียกว่า leg extensor power (LEP) ซึ่งสะท้อนทั้งความแข็งแรง (strength) และความเร็ว (speed) ของการเคลื่อนไหว
ขั้นตอนหลักในการวัดพลังขา
1. ใช้อุปกรณ์วัดพลังกล้ามเนื้อขา (Leg Extensor Power Rig)
เครื่องนี้พัฒนาโดยสถาบัน Loughborough University ใช้ในการวัดกำลังขาขณะ “เหยียดขาออกอย่างรวดเร็ว”
• ผู้เข้าร่วมจะนั่งบนเครื่องโดยให้เข่างอประมาณ 90 องศา
• จากนั้นออกแรงเหยียดขาเต็มที่หนึ่งข้างให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อหมุนคันโยกที่เชื่อมกับตัววัดความเร็วและแรง
• เครื่องจะคำนวณพลังขาสูงสุด (Watts) จากแรงและความเร็วในการเหยียดขา
• ทำซ้ำหลายครั้ง และบันทึกค่าที่ดีที่สุดเป็นตัวแทนของ “พลังขา” ของคนนั้น
2. การทดสอบทั้งสองข้างแยกกัน
เพราะบางคนอาจใช้ขาข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้าง (dominant leg)
นักวิจัยจึงเฉลี่ยค่ากำลังของทั้งสองข้างเพื่อให้ได้ค่าพลังขารวม
3. ควบคุมปัจจัยแทรกซ้อน
เช่น ดัชนีมวลกาย ความสูง น้ำหนัก ความดันโลหิต โรคเรื้อรัง พฤติกรรมการออกกำลังกาย และระดับการศึกษา เพื่อให้แน่ใจว่าความสัมพันธ์ที่พบมาจาก “พลังขา” จริง ๆ ไม่ใช่ปัจจัยอื่น
ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ
หลังติดตามเป็นเวลา 10 ปี นักวิจัยพบว่า
• ผู้ที่มี พลังขาเริ่มต้นสูงกว่า มีการเสื่อมของสมอง (cognitive decline) ช้ากว่าผู้ที่มีกำลังขาต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
• ในภาพ MRI พบว่า ผู้ที่มีกำลังขามากกว่า มี ปริมาตรสมองส่วนสารสีเทา (gray matter volume) มากกว่า และสมองเสื่อมช้ากว่า
• ความสัมพันธ์นี้ยังคงอยู่ แม้ควบคุมปัจจัยพันธุกรรม เพราะผู้เข้าร่วมเป็น “ฝาแฝดแท้” ที่มี DNA เหมือนกัน
สรุปได้ว่า แม้จะมียีนเหมือนกัน แต่ “แฝดที่ขาแข็งแรงกว่า” กลับมีสมองที่แข็งแรงกว่าในวัยชรา
พลังขา = พลังสมอง?
นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า กล้ามเนื้อขาเป็นกล้ามเนื้อใหญ่ที่สุดในร่างกาย และมีบทบาทในการสูบฉีดเลือดกลับสู่หัวใจและสมอง เมื่อกล้ามเนื้อขาทำงานได้ดี สมองจะได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น
นอกจากนี้ การออกแรงขายังเกี่ยวข้องกับ การกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง (central nervous system) และการหลั่งสารเคมีในสมอง เช่น
• BDNF (Brain-Derived Neurotrophic Factor) ซึ่งช่วยให้เซลล์สมองเติบโตและซ่อมแซมตัวเอง
• IGF-1 (Insulin-like Growth Factor) ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองและระบบไหลเวียนเลือด
นั่นหมายความว่า การฝึกกล้ามเนื้อขา เช่น การลุกนั่ง (squat), การเดินเร็ว, ปั่นจักรยาน หรือขึ้นบันได อาจเป็น “การออกกำลังกายสมอง” ทางอ้อมที่ทรงพลัง
ข้อควรเข้าใจเพิ่มเติม
งานวิจัยนี้ไม่ได้บอกว่าความแข็งแรงของขาคือสาเหตุโดยตรงของสุขภาพสมอง แต่บ่งชี้ถึง “ความสัมพันธ์เชิงคาดการณ์” (predictive relationship) ที่น่าทึ่ง ซึ่งสนับสนุนแนวคิดว่า “สุขภาพร่างกายและสมองเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
