EPGพัฒนาAIเสริมแกร่ง ปรับแผนรับบาทแข็งค่า

#EPG #ทันหุ้น - EPG ผนึก FIBO มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พัฒนา RAG เป็น AI ขั้นสูง หวังต่อยอดธุรกิจ-ลดต้นทุน หนุนมาร์จิ้นในอนาคตพุ่ง พร้อมย้ำเป้าปีนี้รายได้ราว 1.38-1.4 หมื่นล้านบาท แรงหนุนธุรกิจฉนวน-บรรจุภัณฑ์สดใส พร้อมปรับการดำเนินงานรับมือบาทแข็ง “เร่งแผนลงทุน-ซื้อวัตถุดิบ”
ศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์ และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการลงนามความร่วมมือ MOU กับ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการพัฒนาระบบ RAG (Retrieval-Augmented Generation) ซึ่งเป็น AI ขั้นสูง รองรับการนำมาใช้บริหารจัดการองค์ความรู้ภายในองค์กร เพื่อช่วยต่อยอดธุรกิจในส่วนต่างๆ หวังสร้างการเติบโตให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
@AI ต่อยอด-อัพมาร์จิ้น
ทั้งนี้ความร่วมมือดังกล่าวนั้นบริษัทให้ความสำคัญกับ การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล และการบริหารจัดการข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการยกระดับองค์ ความรู้ภายในองค์กรให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย ถูกต้องและนำไปใช้สนับสนุนการตัดสินใจได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ความร่วมมือกับ FIBO ในครั้งนี้ เป็นการวางรากฐาน เชิงกลยุทธ์ให้กับ EPG สามารถนำ AI มาประยุกต์ใช้ได้จริง ในกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มความสามารถ และรองรับการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนในระยะยาว
ในช่วงแรกจะเป็นการระบบ RAG ที่พัฒนาขึ้นใหม่มาใช้ในกลุ่มผลิตชิ้นส่วนทางยานยนต์ (AEROKLAS) (เดิมสัดส่วนรายได้กลุ่มนี้อยู่ที่ราว 50%) ก่อนเพื่อให้พนักงานสามารถค้นหาและใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ ในเอกสาร คู่มือ วิดีโอการอบรม งานวิจัย และข้อมูลการผลิตได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ คาดระบบสามารถเริ่มดำเนินการได้เต็มศักยภาพในช่วงเดือนสิงหาคม 2569
@ต้นทุนลด 10-15%
อย่างไรก็ดี บริษัทประเมินว่า RAG เข้ามาใช้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจน ใน 3 มิติหลัก มิติแรก “เวลา” ซึ่งระบบ RAG ช่วยลดระยะเวลาในการค้นหาลงได้ถึง 60 - 80%, มิติที่ 2 “ประสิทธิภาพการทำงาน” คาดการณ์ว่าจะช่วยยกระดับ ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม ประมาณ 20 - 25% และมิติสุดท้ายที่มองข้ามไม่ได้ คือ 'การบริหาร ต้นทุน ระบบ RAG จะเข้ามาช่วยลดภาระงานในลักษณะงานประจำวัน (Routine Tasks) ซึ่งในระยะสั้น คาดหวังการลดต้นทุนการดำเนินงานลงได้ 10 - 15%
ขณะที่หากมองไปในระยะกลาง เมื่อระบบเข้าที่และ พนักงานใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบตั้งเป้าหมายที่จะลดต้นทุนลงให้ได้ถึง 20 - 30% และหากทุกอย่างสำเร็จลุล่วงตามที่วางไว้ ทาง EPG มีแนวทางจะขยายและนำไปใช้ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร (EPP) และอื่นๆ ต่อไป หวังกลายเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ให้ปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต จากปีนี้ที่คาดกำไรขั้นต้นของบริษัททั้งปีราว 30-33%
@คงเป้ารายได้
สำหรับผลประกอบการงวดปีนี้ (เม.ย.68-มี.ค.69) ทาง EPG ยังคงประมาณการรายได้ไว้ราว 1.38 หมื่นล้านบาท หลังช่วงครึ่งแรกปีนี้มียอดขายแล้วราว 6.77 พันล้านบาท ประกอบกับมองภาพรวมในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะยังเป็นไปตามที่วางไว้ เพราะได้แรงหนุนจากกลุ่มธุรกิจผลิตวัสดุก่อสร้างในส่วนของฉนวนและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (AEROFLEX) และ EPP ที่มองปีนี้ยังเติบโตได้ราว 5% จากช่วงปีก่อน แม้กลุ่มกลุ่มผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จะชะลอตัว
ด้านประเด็นเกี่ยวกับแนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้นบริษัทเองได้มีการปรับรูปแบบการดำเนินงาน โดยหันมาเร่งลงทุนในบางโครงการให้เร็วขึ้น ซึ่งควบคู่ไปกับการจัดการเกี่ยวกับการจัดซื้อวัตถุดิบต่างๆ เพื่อเป็นการช่วยลดปัจจัยทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนและบริหารต้นทุนให้ดียิ่งขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
