STANLY รักษาอีบิทดา16% ออเดอร์รถลุ้นใหม่ไหลเข้า
#STANLY #ทันหุ้น – STANLYมั่นใจรายได้ปี 2566 เติบโต 13% ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตั้งเป้ารักษาอีบิทดา ไว้ที่ราว 15-16% ท่ามกลางต้นทุนการดำเนินงานที่เร่งตัวทั้งวัตถุดิบ และราคาพลังงาน จ่อรับทรัพย์คำสั่งผลิต-ประกอบรถยนต์เพิ่มขึ้น ชูไทยยังเป็นฐานผลิตรถยนต์ใหญ่ของโลก
นายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY เปิดเผยว่า บริษัทประเมินรายได้รวมทั้งปี 2566 (เม.ย. 2565 – มี.ค. 2566) ของบริษัทจะสามารถเติบโตได้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ปี 2565 ที่ยอดผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 13%YoY จากปัญหาขาดแคลนชิปลดลง และขณะที่ค่ายรถยนต์ทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ยังคงรักษาศักยภาพการเติบโตของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ไว้ที่ราว 15-16% แม้ต้นทุนวัตถุดิบ และต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้นจากปี 2564 อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในประเทศไทยทั้งปี 2566 เบื้องต้นประเมินยอดการผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทที่ราว 1.8 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศราว 9 แสนคัน และการผลิตเพื่อส่งออกราว 9 แสนคัน หนุนจากปัญหาขาดแคลนชิปที่เริ่มคลี่คลายลงระดับหนึ่ง รวมถึงคำสั่งผลิต-ประกอบรถยนต์บางส่วนอั้นมา ทั้งนี้บริษัทยังคงต้องติดตามความสามารถในการผลิต และจัดหาชิปของค่ายรถแต่ละค่ายอย่างใกล้ชิดจนถึงสิ้นปี 2566
“ตอนนี้คำสั่งผลิต – ประกอบรถยนต์เข้ามาเยอะมากผู้ประกอบการทั้ง Supply Chainมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นที่ได้รับความนิยมลูกค้าต้องรอนาน 6-7 เดือน ซึ่งแม้ปัญหาชิปจะคลี่คลายลงแต่การที่ทุกค่ายรถเร่งผลิตก็อาจส่งผลให้ชิปกลับไปขาดแคลนชั่วคราวอีกได้ ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดถึงสิ้นปี 2566 นี้เลยเพราะกว่าโรงงานใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อผลิตชิปจะเสร็จ แล้วผลิตชิปออกมาจนเกินความต้องการใช้ก็ราวปลายปี 2567 ได้”
*ส่งออกไทยเติบโต
ทั้งนี้ปัจจุบันตลาดส่งออกรถยนต์และรถกระบะไทยยังมีศักยภาพการเติบโตได้สูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่กำลังพัฒนาในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก, ภูมิภาคอเมริกาใต้, ภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งค่ายรถญี่ปุ่นในไทยเริ่มขยายฐานการตลาดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับการที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งจากจีน, เยอรมนี รวมถึงผู้ผลิตรถรายใหญ่จากญี่ปุ่นทั้งโตโยต้า และฮอนด้าต่างมีแผนขยายเข้าสู่ตลาดรถยนต์ EV มากขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญให้ไทยก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตรถยนต์, รถกระบะ, รถ SUV รวมถึงรถยนต์ EV ที่แข็งแกร่งของโลกอย่างต่อเนื่อง
“ขณะที่ผู้ผลิตรถ EV ค่อยๆ ขยายฐานเข้ามาในไทย กลุ่มรถเครื่องสันดาปก็เริ่มหาฐานการตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่และกำลังพัฒนาหลายภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงปัญหาขาดแคลนชิปที่คลี่คลายลงมากแม้จะยังไว้ใจไม่ได้ไปจนถึงช่วงสิ้นปี 2566 นี้จะเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยให้ยังเติบโตได้อีกนาน”
*แนะซื้อเป้า 218 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง STANLY ว่า คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 (เม.ย.2565 – มี.ค.2566) ของ STANLY ทรงตัวที่ราว 1.52 พันล้านบาท แม้รายได้รวมจะสูงขึ้นเนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นทั้งวัตถุดิบ และพลังงาน โดยยังมีมุมมองบวกระยะยาวต่อการรัฐบาลส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์EV เนื่องจาก STANLY เป็นผู้ผลิตไฟส่องสว่างทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถ มอเตอร์ไซค์, และรถกระบะรายใหญ่ที่สุดในประเทศ และ STANLY สามารถปรับผลิตภัณฑ์ส่องสว่างทั้งไฟหน้า – ไฟท้ายให้ใช้กับรถกับ EV ได้ โดยเตรียมโรงงาน Lamp8 สำหรับรองรับการผลิตชิ้นส่วน EV โดยเฉพาะ
เบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิงวดปี 2567 (เม.ย.2566 – มี.ค. 2567) ที่ 1.66 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY จึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสมที่ 218 บาท พร้อมคาดอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 4.8%