ฐานะศิษย์เก่า "ชูวิทย์" โพสต์สาเหตุที่ "สรยุทธ" ได้พักโทษ
จากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้อง! ชูวิทย์ โพสต์ถึงอิสรภาพ ‘สรยุทธ’ แจงชัดเหตุผลได้พักโทษ
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรข่าวชื่อดัง ที่กำลังจะได้รับการพักโทษในวันที่ 14 มี.ค.นี้
โดยชูวิทย์ ระบุว่า
อิสรภาพของสรยุทธ
เมื่อมีข่าวว่าคุณสรยุทธจะได้ออกจากคุกเดือน มีนาคมนี้ ก็มีคนตั้งคำถามว่า “ทำไมออกเร็ว?”
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจึงได้ออกมาชี้แจง ว่าคุณสรยุทธได้รับสิทธิพิเศษหรือไม่อย่างไร?
ผมขอเพิ่มเติมในฐานะศิษย์เก่าผ่านคุกผ่านตะรางมาหลายรอบแล้ว
ตอนคุณสรยุทธเข้าเรือนจำใหม่ๆ มีเรื่องโควิดพอดี มีทั้งการแหกคุกอ้างว่ากลัวโควิดระบาด เพราะไม่ได้ให้มีการเยี่ยมตามปกติ ส่วนนักโทษใหม่ยังต้องกักตัว 14 วันด้วย
คุณสรยุทธจึงได้ช่วยงานให้ความรู้นักโทษ จัดรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ”
การจัดรายการทำให้สถานการณ์ในเรือนจำที่โกลาหลอยู่ เริ่มดีขึ้นด้วยงานข่าวประชาสัมพันธ์ของคุณสรยุทธ
จนได้ปรับชั้นเป็นชั้นเยี่ยม
เรื่องนี้มีระเบียบเรือนจำอยู่แล้ว หากใครทำประโยชน์ก็ได้ปรับชั้นขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีนักโทษที่โดนปรับชั้นลง เช่น ก่อเรื่องในเรือนจำ หรือเคยทำผิดมาก่อนแล้วก่อคดีซำ้ เมื่อเข้าเรือนจำอีก ก็จะโดนปรับลงเป็นชั้นเลวมาก
ในคุกถึงบอกกันว่า มี 3 อย่าง คือ “ช้อน ชั้น ชีวิต” ที่นักโทษต้องรักษาอย่างยิ่งยวด
เพราะไม่มีใครทราบว่า เมื่อไหร่จะมีพระราชทานอภัยโทษ
ปีที่แล้วเป็นปีพิเศษ ที่มีการพระราชทานอภัยโทษให้แก่นักโทษทั่วไปถึง 2 รอบ ในเดือนสิงหาคม และเดือนธันวาคม มีนักโทษที่เข้าเกณฑ์ได้รับการลดโทษกันกว่า 300,000 คน
บางคนเข้าใจผิด คิดว่าการอภัยโทษมีกันทุกปี ต้องขอบอกว่า ไม่ใช่ บางทีไม่มีติดต่อกัน 2-3 ปีก็มี คนคุกรอเก้อมานักต่อนักแล้ว
เรื่องอภัยโทษไม่มีใครทราบล่วงหน้า และกรมราชทัณฑ์ กับกระทรวงยุติธรรมถือเป็นความลับขั้นสูงสุด เพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงในเรือนจำด้วย
คุณสรยุทธติดคุกด้วยโทษ 6 ปี 24 เดือน (ที่เป็นเดือนด้วย เพราะบางข้อหาที่โดน โทษนับเป็นเดือน)
การได้พักโทษ (การพักโทษ ไม่ได้หมายความว่าโทษหมดไป ยังมีโทษอยู่ แต่ให้ออกมาอยู่ข้างนอกได้โดยปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดไว้) เกิดจากคุณสรยุทธได้รับการลดโทษจากพระราชทานอภัยโทษทั่วไป 2 รอบในปีที่ผ่านมา จึงเหลือโทษจำคุกหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน
เมื่อหักวันที่รับโทษจำคุกมาระยะหนึ่งแล้ว จึงเหลือโทษที่ต้องจำต่อไปอีก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน
มีคุณสมบัติครบเข้าเกณฑ์ “พักโทษกรณีมีเหตุพิเศษ” ในวันที่ 13 มีนาคม 2564 ซึ่งต้องติดอุปกรณ์ “กำไลอีเอ็ม”
และต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตลอดจนรายงานตัวต่อพนักงานควบคุมความประพฤติจนกว่าจะพ้นโทษ
การพักโทษ ไม่ใช่มีเพียงคุณสรยุทธคนเดียวที่ได้ แต่มีการพิจารณานักโทษทั่วประเทศที่เข้าเกณฑ์ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการ ก็ต้องไปผ่านการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอีกชั้นหนึ่งด้วย
คุณสรยุทธเหลือโทษจำอีกไม่มาก ประกอบกับเป็นความผิดเข้าคุกครั้งแรก ไม่ใช่นักโทษที่ทำผิดซ้ำซากเคยเข้าคุกมาก่อน เมื่อออกมาสามารถทำงานได้ตามปกติ ออกสื่อได้ จัดรายการได้ ไม่ได้ผิดกติกาเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์แต่อย่างใด ใครทำงานอะไรที่สุจริตก็ล้วนทำได้หมด เขาให้ออกไปทำมาหากิน ไม่ได้ให้อยู่บ้านเฉยๆ
ส่วนนักโทษที่ไม่เข้าเกณฑ์พักโทษ จะเป็นพวกคดีอุกฉกรรจ์ เช่น นักโทษคดียาเสพติด ฆ่าคนตาย หรือคดีทางเพศ พวกนี้จะไม่ได้รับการพิจารณา คณะอนุกรรมการไม่อนุมัติให้
คุณสรยุทธไม่ได้หนี เข้าไปชดใช้ความผิดอยู่ในคุกจนเข้าเกณฑ์พักโทษ จึงถือว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ควรให้กำลังใจไม่ใช่ซ้ำเติมหาเรื่อง
คนอย่างนี้ต้องให้โอกาสออกมาทำประโยชน์ต่อสังคมดีกว่าไปอยู่ในคุก
การหมดสิ้นอิสรภาพ ต้องอยู่ในคุก มันทรมานแค่ไหน ใครไม่เคยติดคุกคงไม่รู้ซึ้งถึงรสชาติ
“ต้องอยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” สโลแกนที่ผมให้ไว้กับทุกคนตามประสบการณ์ติดคุกของผม
ลูกใคร ผัวใคร ญาติใคร คงไม่อยากให้อยู่คุกแม้แต่วันเดียว
เพราะอิสรภาพนั้น มันหอมหวลเป็นอย่างยิ่ง