จับตาขุนคลังคนใหม่'หวย'ออกที่ใคร

การลาออกของ นายปรีดี ดาวฉาย ที่วันนี้ถือว่าเป็น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากการยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง โดยการลาออกครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมมั่นต่อรัฐบาลในระดับ 8 ริกเตอร์เลยทีเดียว

            เหตุผลการลาออก แม้จะมีการแจ้งผ่านสื่อมาว่า เป็นเพราะเหตุผลทางสุขภาพ กังวลเรื่องภาวะโรคเส้นเลือดในสมองตีบ แต่เส้นเลือดในสมองจะตีบได้นั้น สาเหตุมาจากปัจจัยผลกระทบทางสุขภาพที่สะสมมาต่อเนื่องทั้งไขมันในเลือด ความดัน และความเครียด แต่สิ่งที่คอการเมืองเพ่งมองลงลึกไปเริ่มเห็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดความเครียดจากการทำงานขึ้นได้ โดยเฉพาะความขัดแย้งในการทำงาน ที่มีสัญญาณชัดเจนตั้งแต่การประชุมครม.สัญจรที่จ.ระยอง ในเรื่องของบัญชีข้อมูลซ้อนที่มาจากรัฐมนตรีช่วยกว่าการกระทรวงการคลัง เสนอเข้าที่ประชุม ครม.คู่ขนานกับของ รมว.คลัง ต่อเนื่องถึงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการคลัง

            รวมทั้งปัจจัยสำคัญเมื่อต้องเข้ามาทำงานการเมืองท่ามกลางขั้วอำนาจต่าง ๆ ในรัฐบาล ขณะที่ ปรีดี ดาวฉาย ไม่มีฐานกำลังส.ส.ในมือ คือ เป็นมืออาชีพ ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ดังนั้น จึงต้องมีกำลังหนุนอย่างสูงสุดจากผู้ที่เชิญเข้ามาทำงาน แต่เมื่อสิ่งที่เป็นแรงหนุนเหล่านี้เบาบางลง การทำงานเมื่อต้องเผชิญ พญาเสือ พญาสิงห์ ในสมรภูมิการเมืองที่ร้อนระอุ จึงอาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายก่อนตัดสินใจ

จับตาขุนคลังคนใหม่

ภาคเอกชนจับตาอย่างมากว่าใครจะมาทำหน้าที่ รมว.คลัง เพราะจะเป็นปัจจัยสร้างความเชื่อมั่น นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกว่า เรื่องนี้ ต้องดำเนินการคัดสรรบุคคลที่เหมาะสม มีความรู้ความสามารถด้านการคลังเข้ามาแทนโดยเร็ว ซึ่ง เป็นเรื่องที่ทางนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณา ประการสำคัญต้องสามารถทำงานร่วมกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้อย่างมีเอกภาพ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน บูรณาการและร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจไม่ดีผู้ประกอบการต่างต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ “คนที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะต้องมีความรู้ด้านการคลัง รู้เรื่องเดี่ยวกับเศรษฐกิจดี และก็ทำงานด้วยความโปร่งใส”

รายชื่อที่ปรากฏเป็นข่าว จะเข้ามาลุ้นในการทำงานตำแหน่ง รมว.คลัง

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

            การเข้ามารับตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นการถูกฝาถูกตัวจากประสบการณ์การในอดีตในหลายตำแหน่ง อาทิ ประธานกรรมการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) กรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิ คอล จำกัด (มหาชน) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)เป็นต้น รวมทั้งความคุ้นเคยผ่านทีมเสนาธิการบนตึกไทยคู่ฟ้า และในฐานะที่ปรึกษานายกฯส่วนตัวด้านเศรษฐกิจ ทำให้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์  ไม่ใช่ "คนแปลกหน้า" ของทีมงานตึกไทยคู่ฟ้าของบิ๊กตู่แต่อย่างใด แต่การจะสลับไปรับตำแหน่งเพื่อดูแลกระทรวงการคลัง อาจจะมีคำถามตั้งข้อสังเกตถึงความเชี่ยวชาญในสายการเงินการคลังตามมา

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร

            อดีตรมช.คมนาคม อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  จากนักเรียนทุนญี่ปุ่นด้านวิศวกรรมพลังงาน อาจารย์มหาวิทยาลัย พนักงานรัฐวิสาหกิจ กระโดดสู่ผู้บริหารอาณาจักรของกลุ่มธุรกิจพลังงานยักษ์ใหญ่ของประเทศ ถือว่าประสบการณ์ด้านการบริหารธุรกิจหลายแสนล้านบาท  ไม่นับรวมการเติบโตในสายพลังงานภายใต้ปีกของกลุ่มธนาคารกรุงเทพในอดีตที่เคยรวมก่อตั้งบริษัทด้านปิโตรเคมีร่วมกันมากับ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” การจะกลับเข้ามาร่วมงานกันอีกครั้ง กับรัฐบาลลุงตู่ ถือว่ามีความเป็นไปได้สูง อีกทั้งการปรับครม. ประยุทธ์ 2/2  ก็มีชื่อของ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ดังมาอย่างต่อเนื่อง

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร

นายวิรไท สันติประภพ

            ผู้ที่กำลังจะครบวาระ "ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย" ในสิ้นเดือนกันยายนนี้ และได้ประกาศชัดว่าไม่ต่อเทอม 2 โดยมี นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ จะมารับไม้ต่อ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนต่อไป นายวิรไท เป็นตัวเต็งสำคัญที่มองกันว่า เมื่อเทียบความรู้ประสบการณ์และเส้นทางสายการเงินเฉกเช่นเดียวกับ นายปรีดี ดาวฉาย จึงน่าจะเป็นที่จับตามองมากที่สุด อีกทั้งในช่วงโควิด-19 มาตรการหลายอย่างในการเยียวยากลุ่มธนาคาร ก็ได้รับการผลักดันจากแบงก์ชาติได้เป็นอย่างดี หากได้คนที่เข้าใจวิกฤติ และกลไกการทำงานของระบบการเงินในยามยาก น่าจะเป็นคนที่สังคมกำลังต้องการอย่างสูงเช่นกัน

นายวิรไท สันติประภพ

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ

                  ถือว่าเป็นนักการธนาคารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจการเงินมายาวนาน เป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ธนาคารทหารไทย หรือ “ทีเอ็มบี” ในช่วงเข้ามากอบกู้วิกฤติ และเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า อยากขอไปใช้ชีวิตสบายๆหลังเกษียณ นายบุญทักษ์ เติบโตในสายงานการเงินการธนาคารจากธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่ปี 2524 ในฝ่ายกิจการต่างประเทศ จากนั้นก็ได้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญๆ หลายตำแหน่ง โดยตำแหน่งสุดท้ายคือ รองกรรมการผู้จัดการ ก่อนที่จะลาออกในเดือนธันวาคม 2550 และเคยกำกับดูแลสายงานบรรษัทธุรกิจ สายงานธุรกิจลูกค้าและผู้ประกอบการ และสายงานธุรกิจตลาดทุน จนมาสู่สูงสุดในตำแหน่งผู้บริหารธนาคารทหารไทย ด้านการศึกษา นายบุญทักษ์ ได้รับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศและการเงิน จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา และ ปริญญาตรีด้านวิศวกรรมเคมี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านการเงินการธนาคารที่เป็นแถวหน้าเลยทีเดียว

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ

นายกรณ์ จาติกวณิช

            อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในสมัยที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ การที่มีชื่อนายกรณ์ ปรากฏในสื่อโดยเฉพาะกระแสโลกออนไลน์ว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่เหมาะสมเป็น รมว.คลัง คนต่อไป อาจจะเป็นเพียงกระแสที่ต้องการช่วยคิดหาคนที่มีประสบการณ์มานำเสนอ เพราะในความเป็นจริงแล้ว นายกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคกล้า ที่นับว่าเป็นพรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่งที่ต้องแข่งกับพรรคพลังประชารัฐ จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีการพิจารณามอบตำแหน่งสำคัญให้กับคนนอกพรรคพลังประชารัฐเข้ามาทำงาน เพราะลำพังแค่จัดสรรโควตาในพรรคให้ลงตัว ก็เป็นเรื่องปวดหัวให้กับบรรดา ลุงๆ เลยทีเดียว

นายกรณ์ จาติกวณิช

อย่างไรก็ตาม ท่านใด จะมานั่งตำแหน่งนี้ แน่นอนว่าคงจะได้เห็นข้อมูลของจริง แบบที่ “ปรีดี ดาวฉาย” ได้เห็นมาแล้ว และยังต้องพร้อมที่จะรับงานในแบบที่ต้องจัดสรรปันส่วนให้ลงตัว จึงต้องลุ้นกันต่อว่า “หวย” จะออกที่ใครเป็น รมว.คลัง คนต่อไป.