ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลเล็งฟ้อง กสทช. เหตุประกาศเรียงช่องใหม่ ทำอุตสาหกรรมเสียหายหนัก อาจถึงจุดล่มสลาย

วันที่ 14 สิงหาคม นายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล(ประเทศไทย) นำทีมสมาชิกผู้บริหารช่องทีวีดิจิตอลแถลงจุดยืนของอุตสาหกรรม หลังจากประเมินผลการประชุมย่อย (Focus group) ร่วมกับโครงข่ายทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่าน โดยกสทช.เสนอยกช่อง 1-10 ให้ทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีจัดเรียงช่องเองอิสระ ทีวีดิจิตอลอยู่หมายเลข 11-36 ตามเดิม แต่ยังไม่มีข้อยุติ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างอ้างความเสียหายของตน บวกกับท่าทีของ กสทช.ที่ยังไม่สามารถหาแนวทางการแก้ปัญหาได้ตามกรอบเวลาที่รับปากไว้ จึงต้องประกาศจุดยืนและแนวทางการต่อสู้ในฐานะเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากปัญหานี้ ทั้งหมด 4 ข้อ
นายสุภาพย้ำว่า จุดยืนสำคัญข้อแรกในการต่อสู้ของทีวีดิจิตอล คือการเป็นสื่อหลักเพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นหัวใจสำคัญในการสะท้อนบริบทของสังคมวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการปฏิรูปสื่อตามนโยบายของรัฐที่มีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ
เมื่อการเปลี่ยนผ่านของทีวีภาคพื้นดินไม่เป็นไปตามแผนงาน การคงไว้ซึ่ง ประกาศ “must carry” ปี 2555 และ ประกาศ ”เรียงช่อง” ปี 2558 ให้โครงข่ายการรับชมอื่นๆทั้งทีวีดาวเทียม และ เคเบิลทีวี นำช่องรายการของทีวีดิจิตอล ไปออกอากาศตรงตามหมายเลขการประมูล ถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งในการชดเชยและทดเแทนโครงข่ายภาคพื้นดิน เพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหล ที่คนดูหาช่องไม่เจอซ้ำรอยในอดีตที่นับเป็นความเสียหายต่ออุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก
ข้อที่สอง นายสุภาพกล่าวว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีระบบดิจิตอล ทำให้ไม่มีผู้เสียหายจากการเรียงช่อง มีแต่ผู้แสวงประโยชน์ จากการยกเลิก “ประกาศเรียงช่อง” เนื่องจากปัจจุบันการใช้คลื่นความถี่ในโครงข่าย ของ ”ทีวีดาวเทียม” และ “เคเบิลทีวี” เป็นไปอย่างไม่จำกัด และสามารถจัดรูปแบบการเรียงช่องเป็นหมวดหมู่เพื่อบริการผู้ชมที่เป็นสมาชิกตามความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละราย ซึ่งผู้ประกอบการโครงข่ายก็ยืนยันเองว่า ปัจจุบันไม่มีปัญหาเรื่องการจัดลำดับและหมวดหมู่หมายเลขช่องกับสมาชิกตามความต้องการแต่ละพื้นที่แล้ว แต่สำหรับ ทีวีดิจิตอล ซึ่งเป็นสื่อหลักของชาติ “การเรียงช่อง” ตามลำดับหมายเลขการประมูลให้ตรงกันทั้งประเทศ ในทุกโครงข่ายทุกช่องทางการรับชม เป็นความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรม เพราะเป็นเงื่อนไขหลักที่ผู้ประกอบการทุ่มเงินประมูลเพื่อสิทธิ์ในการเลือกหมายเลขช่องเพื่อง่ายต่อการเข้าถึงของผู้ชม และต้องใช้เม็ดเงินมหาศาลในการทำการตลาดเพื่อสื่อสารกับผู้ชมจนเกิดการจดจำ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลง ย่อมเกิดความสับสนต่อผู้ชมจนหาช่องไม่เจอ เกิดความเสียหายต่อการอุตสาหกรรมทั้งระบบอย่างประเมินค่าไม่ได้
นายสุภาพกล่าวถึงจุดยืนในข้อต่อไปว่า จากกรณีพิพาทนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศ “เรียงช่อง” ปี 2558 ไม่ว่ารูปแบบใดๆ ย่อมเกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลอย่างมากมายมหาศาล ช่องที่ออกอากาศในหมายเลข 1-10 ในโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีตามข้อเสนอของ กสทช. ย่อมเป็นคู่แข่งขันทางธุรกิจต่อทีวีดิจิตอล แต่มีต้นทุนต่ำกว่ามาก ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนค่าใบอนุญาต ส่งผลถึงคุณภาพการผลิตของทีวีดิจิตอลในอนาคต กระทบต่อความนิยมและเกิดการตัดราคาค่าโฆษณา หรือหากศาลยืนคำพิพากษาตามศาลชั้นต้น จะก่อให้เกิดสุญญากาศสำหรับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทันที ลำดับช่องรายการไม่เป็นไปตามเดิม ผู้ชมสับสน หาช่องเดิมไม่เจอ เป็นโอกาสของเทคโนโลยีการรับชมใหม่ทางออนไลน์อย่าง OTT ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยี 5G จะเกิดความเสียหายมหาศาลเกินกว่าจะเยียวยาได้ และอาจถึงจุดล่มสลายของทีวีดิจิตอล สื่อหลักของชาติในที่สุด
ข้อสุดท้าย นายกสมาคมฯ ย้ำชัดว่า “ประกาศเรียงช่อง ปี 2558” คือหัวใจสำคัญในการประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอล และเป็นหัวใจในการเข้าถึงสื่อสาธารณะของผู้ชมทีวี หากต้องมีการเปลี่ยนแปลงประกาศเรียงช่อง ปี 2558 ย่อมเกิดความเสียหายมหาศาลต่ออุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลยื่นฟ้อง กสทช. ต่อศาลปกครองอีกครั้งอย่างแน่นอน
บทความน่าสนใจอื่นๆ
