รีเซต

ปภ.แจ้ง 8 จังหวัดภาคเหนือ เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง ช่วง 4-6 ก.พ. 65

ปภ.แจ้ง 8 จังหวัดภาคเหนือ เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง ช่วง 4-6 ก.พ. 65
มติชน
3 กุมภาพันธ์ 2565 ( 16:12 )
52

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลา 15.45 น. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศ ฉบับที่ 1 (10/2565) ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 แจ้งว่า ในช่วงวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2565 คลื่นกระแสลมตะวันตก จะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ทำให้มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส บริเวณภาคเหนือตอนบน สำหรับยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่

กอปภ.ก. จึงได้ประสานแจ้ง 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน และแพร่ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 10 ลำปาง และเขต 15 เชียงราย เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ในระหว่างวันที่ 4 – 6 กุมภาพันธ์ 2565

โดยได้ประสานให้จังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า รวมถึงจัดเตรียมเครื่องมือเครื่องจักรกลสาธารณภัยและทีมปฏิบัติการเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันที หากประเมินแล้วมีแนวโน้มจะเกิดสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่ ให้จังหวัดดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ห้ามหลบพายุบริเวณใต้ต้นไม้ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรงเพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกล้มทับ ไม่อยู่ในที่โล่งแจ้งขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เพราะอาจถูกฟ้าผ่าได้ ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และแอพพลิเคชั่น “พ้นภัย”รวมถึง สายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง