รีเซต

เชียงใหม่ เฮ! รักษานักโทษป่วยโควิด หายหมดแล้ว ไม่มีติดเพิ่ม เรือนจำปลอดเชื้อ 100%

เชียงใหม่ เฮ! รักษานักโทษป่วยโควิด หายหมดแล้ว ไม่มีติดเพิ่ม เรือนจำปลอดเชื้อ 100%
ข่าวสด
14 มิถุนายน 2564 ( 21:30 )
66

 

เชียงใหม่ ปิดรพ.สนามเรือนจำกลางฯ หลังรักษาหายหมดแล้ว วันนี้ไม่พบนักโทษติดโควิดเพิ่ม เป็นเรือนจำสีขาว ปลอดเชื้อ 100%

 

 

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2564 ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ นายทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ และนพ.อำพร เอี่ยมศรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่วาง ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกเดือนเม.ย. และผลการดำเนินงานโรงพยาบาลสนามเชียงใหม่

 

 

นายทรงยศ กล่าวว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 4,120 ราย รักษาหายแล้ว 4,053 ราย คิดเป็นร้อยละ 98 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 41 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลรัฐ 38 ราย โรงพยาบาลเอกชน 3 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ที่ 26 ราย ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 23 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 13 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 4 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 1 ราย

 

 

ส่วนการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง และผู้สัมผัส เมื่อวานนี้ทำการตรวจทั้งหมด 607 ราย พบผู้มีผลบวก 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.16 สำหรับการตรวจคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง สัปดาห์นี้จะเริ่มการสุ่มตรวจหาสารพันธุกรรมทางน้ำลายในแคมป์แรงงานต่างด้าวทั่วจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 750 ตัวอย่าง ผลจะนำมาแจ้งให้ทราบในวันต่อไป ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ยังไม่คงที่ เนื่องจากผู้ป่วยรายใหม่เริ่มน้อยลง

 

 

ส่วนใหญ่ยังพบสาเหตุจากการสัมผัสในครอบครัว การนำเข้า และสัมผัสในสถานที่ทำงาน ด้านการเฝ้าระวังคลัสเตอร์ต่างๆ ไม่พบคลัสเตอร์ใหม่ และมีคลัสเตอร์ที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีก 1 คลัสเตอร์ คือ คลัสเตอร์บ้านสันจิกุ่ง ตำบลทุ่งต้อม อำเภอสันป่าตอง มีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพียง 3 คลัสเตอร์ โดยไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มา 12 วันแล้ว

 

 

นายทรงยศ กล่าวต่อว่าสำหรับไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 1 รายนั้น เป็นลูกจ้างของ CM4199 เป็นชายไทย อายุ 53 ปี ได้เดินทางไปหาภรรยาที่ จ.ปทุมธานี และเดินทางกลับมายัง จ.เชียงใหม่ โดยไม่ได้สแกน CM CHANA วันที่ 7 มิ.ย. ไปไซต์งานก่อสร้างย่านโรงพยาบาลกรุงเทพฯ - เชียงราย, วันที่ 8 มิ.ย. ทราบผลภรรยาที่อยู่ปทุมธานีติดเชื้อโควิด-19, วันที่ 9 มิ.ย. เริ่มมีอาการ, วันที่ 10 มิ.ย. เดินทางกลับมายัง จ.เชียงใหม่, วันที่ 12 มิ.ย. ทราบว่านายจ้างติดเชื้อโควิด-19 จึงได้รับการติดตามเข้ามาตรวจ ผลการตรวจพบเชื้อเป็นโควิด-19 จากการติดตามผู้สัมผัสทั้งหมด 3 ราย พบผลลบ 2 ราย ผลบวกอีก 1 ราย คือนายจ้าง

 

 

ทั้งนี้ ขอย้ำเตือนทุกคน การ์ดอย่าตก แม้สถานการณ์ภายในจังหวัดมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามยังคงต้องรักษาระยะห่าง งดเว้นการรวมกลุ่ม โดยเฉพาะด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่ได้มีการผ่อนคลายมาตรการการจัดกิจกรรมการรวมกลุ่มกันไม่เกิน 50 คน หากหน่วยงานใดมีความจำเป็นต้องจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกันมากกว่า 50 คนขึ้นไป จะต้องขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ก่อนทุกครั้ง

 

 

ในส่วนของพี่น้องประชาชนขอความร่วมมือทำตามมาตรการในการป้องกันโรคส่วนบุคคล และร่วมใจกันฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้มากกว่าร้อยละ 70 ของประชากร หรือประมาณ 1 ล้านสี่หมื่นกว่าคน เพื่อเป็นกำแพงสกัดกั้นโรคให้คนเชียงใหม่

 

 

นายทรงยศ กล่าวต่อว่า วันนี้ยอดการจองคิวฉีดวัคซีนของคนเชียงใหม่ 196,571 รายแล้ว ในส่วนของยอดการฉีดวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 7-13 มิ.ย. ได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 49,038 ราย รวมตั้งแต่เดือน เม.ย. เชียงใหม่ฉีดวัคซีนรวมแล้ว 125,855 ราย โดยสามารถจองผ่านเว็บไซต์ "ก๋ำแปงเวียง" และขอย้ำว่า วัคซีนที่ดีที่สุด คือ วัคซีนที่ที่ได้ฉีดเร็วที่สุด "ฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อคนเชียงใหม่"

 

 

ด้านนายสุรศักดิ์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากจบสิ้นภารกิจการดำเนินการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลสนามในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ตามมาตรการบับเบิ้ลแอนด์ซีลอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2564 ทางคณะกรรมการฯ ได้คืนพื้นที่ให้กับเรือนจำกลางฯ เพื่อดูแลผู้ป่วยตามปกติ โดยตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. เป็นต้นมา ทางโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ ไม่พบผู้ต้องขังที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก ยังมีเพียงผู้ต้องขังที่อยู่ในระหว่างการรักษาตัวให้ครบตามกำหนดเพียง 14 คนเท่านั้น และในวันนี้ (14 มิ.ย. 64) ผู้ป่วยทั้งหมดรักษาตัวจนครบตามกำหนดและหายเป็นปกติแล้ว ทำให้ขณะนี้ภายในเรือนจำกลางฯ เป็นพื้นที่สีขาว ปราศจากการติดเชื้อแบบ 100 เปอร์เซ็นต์

 

 

นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ทีมแพทย์ พยาบาล และคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบให้ทำการปิดโรงพยาบาลสนามในเรือนจำกลางเชียงใหม่อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยห้วงเวลาต่อจากนี้อีก 14 วัน จนถึงวันที่ 29 มิ.ย. จะได้ทำการเฝ้าระวัง หากไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาอีก ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่ ถือว่าเรือนจำกลางเชียงใหม่ได้ปฏิบัติตามแผน Exit Plan หรือการออกจากสถานการณ์ภายในเรือนจำที่ไม่มีการติดเชื้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ต้องขังกว่า 6 พันชีวิต ก็จะสามารถใช้ชีวิตภายในเรือนจำได้อย่างปกติ

 

 

นอกจากนี้ เมื่อกรมราชทัณฑ์ได้ผ่อนปรนมาตรการต่างๆ แล้ว ทางเรือนจำกลางเชียงใหม่ก็จะเปิดโอกาสให้ครอบครัวและญาติของผู้ต้องขัง สามารถเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังได้ โดยขอให้ติดตามข้อมูลได้ทั้งทางโทรศัพท์และ เพจ Facebook ของเรือนจำต่อไป

 

 

ด้าน นพ.อำพร เผยถึงผลของการดำเนินงานในโรงพยาบาลสนามเชียงใหม่ว่า ภาพรวมของโรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษา ทำการปิดลงแล้วเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. มีการส่งผู้ป่วย 2 รายสุดท้ายที่รักษาหายแล้วกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะดำเนินการทำความสะอาดพื้นที่ ทั้งการพ่นฆ่าเชื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่อเตรียมส่งคืนกลับไปยังโรงพยาบาลที่ให้การสนับสนุน

 

 

นพ.อำพร กล่าวอีกว่า ซึ่งในช่วงปลายเดือน มิ.ย. จะมีการเคลียร์พื้นที่เพื่อให้เข้าสู่สภาวะปกติ จากนั้นช่วงต้นเดือน ก.ค. จะมีการคืนพื้นที่ให้กับศูนย์ประชุมนานาชาติฯ ต่อไป และคงโรงพยาบาลสนามไว้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 เพื่อความไม่ประมาท

 

 

นพ.อำพร กล่าวต่อว่า ส่วนอัตรากำลังทั้งแพทย์และพยาบาล จะกลับไปปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลต้นสังกัด แต่หากเกิดการแพร่ระบาดขึ้นมาอีกครั้ง ก็สามารถเรียกเจ้าหน้าที่ทุกคนกลับมาปฏิบัติงานได้ภายใน 1-2 วัน ในส่วนของรับบริจาคและของที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนนั้น ทางโรงพยาบาลสนามและจังหวัดเชียงใหม่ จะได้มีการดำเนินการเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

 

 

ขณะที่นายกนก กล่าวย้ำเรื่องมาตรการควบคุมผู้เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ สืบเนื่องจากข้อมูลในช่วงหลังมานี้ จะพบว่าการแพร่ระบาดเกิดจากผู้ที่เดินทางจากพื้นที่สีแดงเข้ม และเกิดการแพร่ระบาดในชุมชนหมู่บ้าน อ.ไชยปราการ และ อ.สันทราย ทางศูนย์ปฏิบัติการอำเภอทั้งสองอำเภอกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง หากปรากฏว่าผู้ที่เดินทางเข้ามาไม่ลงทะเบียนผ่านทางระบบ CM-CHANA และเจ้าบ้านไม่ได้ดำเนินการตามมาตรการที่กำหนด จะต้องมีการลงโทษตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558

 

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจะต้องบันทึกข้อมูลลงในแอพพลิเคชั่น CM-CHANA ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้ามาใน จ.เชียงใหม่ และระหว่างที่อยู่ในพื้นที่ จงเชียงใหม่ ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่ได้รับแจ้งตาม SMS จากระบบ CM-CHANA ส่วนกรณีผู้เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือย้ายมาปฏิบัติราชการ นักเรียน/นักศึกษา นักท่องเที่ยว พนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ ที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ต้องมีการกักกันตัวเอง เป็นเวลา 14 วัน

 

 

สำหรับผู้ที่เดินทางมาปฏิบัติราชการหรือติดต่อราชการ ทำธุรกิจ ในระยะเวลาสั้นๆ รวมถึงพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ รถส่งสินค้า ที่ไม่มีภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ต้องถูกคุมตัวไว้สังเกต ตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง