รีเซต

ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Missile) ของชาติไหนล้ำสุด?

ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Missile) ของชาติไหนล้ำสุด?
TNN ช่อง16
22 มีนาคม 2565 ( 15:54 )
125

ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Missile) หนึ่งในเทคโนโลยีอาวุธที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้เนื่องจากการสู้รบในสงครามรัสเซียและยูเครน อาวุธชนิดใหม่นี้อาจกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่ชาติมหาอำนาจหลายแห่งอยากมีไว้ในคลังแสงครอบครอง


ขีดความสามารถของขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกสามารถเดินทางด้วยความเร็ว 5 มัค หรือประมาณ 6,125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงระดับ 10 มัค หรือประมาณ 12,250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยหลัก ๆ แล้วแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่เดินทางในชั้นบรรยากาศโลกก่อนพุ่งโจมตีเป้าหมายและขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่เดินทางในวงโคจรโลกก่อนพุ่งโจมตีเป้าหมายบนโลก


แม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีเรดาร์ภาคพื้นดินบางรูปแบบที่สามารถตรวจจับขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกได้แต่ก็ยากต่อการป้องกันเนื่องจากขีปนาวุธชนิดนี้เดินทางด้วยความเร็วสูง


ปัจจุบันประเทศรัสเซียกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่พัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกสำเร็จและนำมาใช้งานในสงครามเต็มรูปแบบ โดยหลักแล้วขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกของรัสเซียแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก Kinzhal ใช้วิธีการปล่อยตัวจากเครื่องบิน ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก Avangard สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก Zircon ออกแบบมาเพื่อปล่อยตัวจากเรือรบในทะเล


สหรัฐอเมริกามีโครงการพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกมาหลายปีก่อนหน้านี้ โดยในปี 2022 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาทุ่มเงินทุนกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกเพิ่มเติม สำหรับขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่สหรัฐอเมริกาเคยทำการทดสอบ เช่น HAWC, AGM-183A


จีนเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจทางด้านการทหาร รายงานของสหรัฐอเมริกาเชื่อว่าในช่วงปี 2016-2021 จีนได้ทำการทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกไปแล้วมากกว่า 100 ครั้ง อย่างไรก็ตามรายงานดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันจากรัฐบาลจีน


เกาหลีเหนืออ้างว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก 2 ลูก ในปี 2022 อย่างไรก็ตามรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปฏิเสธข้อมูลดังกล่าวและมองว่าเป็นการทดสอบขีปนาวุธปกติทั่วไป


สำหรับประเทศอื่น ๆ ที่มีโครงการพัฒนาหรือเตรียมทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อินเดีย เกาหลีใต้ อิสราเอล อิหร่าน เป็นต้น


ที่มาของข้อมูล voanews.com

ที่มาของภาพ en.wikipedia.org

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง